xs
xsm
sm
md
lg

“เซ็นทรัล” ซุ่มผุดเอาต์เลตอีก 5 จังหวัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - ซีพีเอ็นเดินหน้าซุ่มผุด เซ็นทรัล วิลเลจ เอาต์เลต อีก 5 แห่งใน 5 จังหวัดศักยภาพ ล่าสุดเปิดเฟส 2 โครงการแรก มิตซูบิชิดึงร้านค้าแบรนด์เนมญี่ปุ่นมาเสริมทัพอีกเพียบ

นายชาติ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (จำกัด) มหาชน เปิดเผยว่า ซีพีเอ็นมีแผนที่จะพัฒนาเอาต์เลตต่อเนื่องด้วยการขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่ม ในเบื้องต้นนี้มีอย่างน้อย 5 จังหวัดใน 3 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ที่มีศักยภาพที่สามารถเปิดเซ็นทรัลวิลเลจได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีการศึกษาบ้างแล้ว และคาดว่าอย่างน้อยภายใน 2 ปีจากนี้น่าจะเห็นสาขาที่ 2 ได้

ล่าสุดซีพีเอ็นเตรียมเปิดบริการเซ็นทรัล วิลเลจ เฟส 2 พื้นที่อีก 35 ไร่ บริเวณเดิม ที่จะมีแบรนด์ร้านค้าเพิ่มอีกกว่า 80 แบรนด์ ในวันที่ 28 มกราคม 2565 ตามแผนเดิมที่วางไว้ หลังจากที่ได้เปิดบริการเฟสแรกมีร้านค้าทั้งไทยและอินเตอร์แบรนด์รวมมากกว่า 220 แบรนด์ เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา บนพื้นที่ 70 ไร่ และคาดว่าจะช่วยทำให้ทั้งโครงการมีปริมาณทราฟฟิกเฉลี่ยเพิ่มเป็น 14,000-15,000 คนต่อวัน


“เมื่อเปิดบริการสมบูรณ์แบบแล้วจะทำให้เซ็นทรัลวิลเลจเป็นอาต์เลตที่ใหญ่สมบูรณ์มาก โดยเฉพาะร้านค้าที่มีมากกว่า 300 ร้านค้าแบรนด์ ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มากเมื่อเทียบกับเอาต์เลตขนาดใหญ่ที่เปิดบริการอยู่ในต่างประเทศ นอกจากนั้นยังมีบริการเดสติเนชันใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาในเฟส 2 ด้วย” นายชาติกล่าว

สำหรับเฟสแรกที่เปิดไปแล้วนั้นคนต่างชาติที่ทำงานในไทย 10% พบว่ามีปริมาณทราฟฟิกช่วง 3 วันแรกที่เปิดตัว 75,000 คนต่อวัน โดยมีร้านค้าเปิด 99% และมียอดขายรวมเติบโต 14% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยช่วงก่อนเกิดโควิดมีฐานลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20% และคนท้องถิ่น 80% (เป็นคนไทยท้องถิ่น 90% และอีก 10% เป็นคนต่างชาติที่ทำงานในไทย) ส่วนเป้าหมายระยะยาวเดิมตั้งเป้าเป็นคนท้องถิ่น 70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30%


นายโทโมฮิโกะ เองูจิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ทางกลุ่มมิตซูบิชิได้ลงทุนต่อเนื่องกับทางซีพีเอ็นในการพัฒนาเซ็นทรัลวิลเลจเอาต์เลตเฟสที่ 2 หลังจากที่ร่วมมือในเฟสที่ 1 มาแล้วและประสบความสำเร็จอย่างดี ซึ่งมิตซูบิชิเป็นหนึ่งในการบุกเบิกพอร์ตโฟลิโอใหม่ของบริษัทฯ ที่ได้รุกตลาดลักชัวรีเอาต์เลตครั้งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เรายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตและการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมไปถึงความต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อมั่นในโครงการเซ็นทรัลวิลเลจที่มอบประสบการณ์ชอปปิ้งที่มีความลักชัวรีตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลายของนักชอปชาวไทย ทางมิตซูบิชิจะดึงร้านค้าแบรนด์เนมญี่ปุ่นมาเปิดในเฟส 2 มากขึ้น ประมาณ 15% จากจำนวน 80 แบรนด์ร้านค้าในเฟส 2”


    นายชาติกล่าวต่อไปว่า “เซ็นทรัล วิลเลจ เฟส 2 ยังคงมีดีไซน์ต่อเนื่องกับเฟสแรกกับเอกลักษณ์ ‘Thai Modern’ พร้อมได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมไทย นำเสนอในรูปแบบหมู่บ้านไทยร่วมสมัยที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก โดยเฟสสองนี้ขยายเพิ่มอีก 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านช่างทอ (Textile Village) โดดเด่นด้วยลายเส้นผ้าทอของไทย, หมู่บ้านช่างก่อ (Brick Village) กับการก่ออิฐเป็นแพตเทิร์นที่แปลกตา, หมู่บ้านช่างลายคราม (Porcelain
    Village) นำความสวยงามของเครื่องลายครามมาออกแบบให้มีลูกเล่น และหมู่บ้านช่างเงินช่างทอง (Goldsmith Village) กับลวดลายสีเงินสีทองสื่อถึงความหรูหราและความประณีตท่ามกลางบรรยากาศแบบ Outdoor Experience ที่ร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียว ทางเดินมีหลังคาที่กว้างขึ้นทำให้ชอปปิ้งได้สะดวกมากขึ้น มีความใกล้ชิดธรรมชาติด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ทั้งน้ำพุ, บ้านต้นไม้, ภูเขา และจุดถ่ายรูปไฮไลต์ Instagrammable Landmarks รวมถึงมีการจัดอีเวนต์ งานอาร์ต ศิลปะร่วมสมัย ที่หมุนเวียนตลอดทั้งปี”

    ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เราประสบความสำเร็จในการปั้นเซ็นทรัล วิลเลจให้เป็นThe First Real Luxury Outlet in Thailand ด้วยการมอบประสบการณ์ชอปปิ้งลักชัวรีเอาต์เลตด้วยมาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้ จากความสำเร็จในเฟสแรก เราเล็งเห็นถึงจุดแข็งและจุดต่างของโครงการที่ดึงดูดและตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้ที่นี่เป็นมากกว่าการชอปปิ้งแบรนด์เนม แต่เป็น Lifestyle Destination ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเซ็นทรัลพัฒนา





    5 กลยุทธ์ปั้น “เซ็นทรัล วิลเลจ” สำเร็จยืนหนึ่งตลอดกาล ได้แก่

    1. ตัวจริง ยอดขายดี เติบโตต่อเนื่อง โดยมีความสำเร็จจากเฟสแรกในด้านยอดทราฟฟิกที่สูงในวันเปิดตัว มียอด Occupancy Rate 99% มาตลอด และหลังคลายล็อกดาวน์มียอด Transaction เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14% (เปรียบเทียบปี 2020 กับ 2021) หลายแบรนด์มียอดขายที่ดีเกินความคาดหมายหรือ Impressive Salesอาทิ JIM THOMPSON FACTORY STORE ทุกครั้งที่จัดงาน Annual Sale ก็ประสบความสำเร็จทุกครั้ง, THE COSMETICS COMPANY STORE รวมถึงแบรนด์ที่เป็น Exclusive Stores กับเราที่เดียวก็มียอดขายที่ดี ได้แก่ ERMENEGILDO ZEGNA, POLO RALPH LAUREN, CALVIN KLEIN, TOMMY HILFIGER, MARIMEKKO, BATH & BODY WORKS, VICTORIA’S SECRET และแบรนด์อย่าง OUTLET BY CLUB21, COACH, MICHAEL KORS, KATE SPADE, ADIDAS ก็ทำยอดขายได้สูงเช่นกัน

    ในเฟสสองมีกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้คู่ค้า ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยดึงดูด Traffic ซึ่งเป็นความสำเร็จของเราในทุกโครงการ อย่างเซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล อยุธยา ที่เพิ่งเปิดให้บริการล่าสุดก็มียอดทราฟฟิกที่ดีตั้งแต่วันแรก รวมไปถึงแผนธุรกิจที่จะช่วยให้คู่ค้า Tenants ขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจ กับ Flexible Leasing Programme




    2. แบรนด์ชั้นนำ ครบทุก Tier ครบทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่ Luxury brands ไปจนถึง Bridge Line ครบทุก Category รวมสองเฟสมีแบรนด์ชั้นนำ 300 แบรนด์ เช่น
    Luxury & Premium Fashion & Accessories: CALVIN KLEIN, COACH, ERMENEGILDO ZEGNA, KATE SPADE, KENZO, LUX GALERIE (MOSCHINO, ALICE+OLIVIA, VIVIENNE WESTWOOD), MAX&CO., MARIMEKKO, MICHAEL KOR, OUTLET BY CLUB 21, POLO RALPH LAUREN, RUNWAY EIGHTY (CHLOE, JIMMY CHOO, VALENTINO), SALVATORE FERRAGAMO, SWAROVSKI, VILEBREQUIN, WEEKEND MAXMARA, SIWILAI, TUMI
    Sport Fashion: ADIDAS, CARNIVAL, CHAMPION, CONVERSE, DUCATI, ELEMENT 72, LE COQ SPORTIF, ONITSUKA TIGER, PUMA, QUIKSILVER, RIP CURL, SKECHERS, SUPERSPORTS, UNDER ARMOUR

    Fashion & Accessories: ALDO, ANELLO, CATH KIDSON, COCCINELLE, CROCS, DAKS, ECCO, FITFLOP, G2000, GIORDANO, GUESS, KEDS, KENNETH COLE, KIPLING, LEE WRANGLER, LEVIS, MELISSA, PANDORA, PLAYBOY SANRIO, SUNGLASS HUT, TOMMY HILFIGER, VICTORIA’S SECRET, WATCH STATION

    Cosmetic: BATH & BODY WORKS, COS MARCHE, KARMART, L’OREAL LUXE, NATURE RETREAT, THE COSMETICS COMPANY STORE

    Specialty: BOOTS, ELEPH, JIM THOMPSON FACTORY STORE, LEGO, NARAYA, OWNDAYS, SAMSONITE, PASAYA, RESTIER

    Food & Beverages: A PINK RABBIT CAKE CAFE + PALETTE, BONCHON, CAFÉ AMAZON, ชาตรามือ, FRESH ME, FUJI RESTAURANT, แหลมเจริญซีฟู้ด, ลาวญวน, เตี๋ยวไข่ตะลึง, MK RESTAURANTS, OLINO CREP & TEA, RED DIAMOND SPECIALTY COFFEE, STARBUCKS, SUSHI HIRO, SWENSENS

    โดยเฟส 2 มีแบรนด์ใหม่ๆ หลากหลายเติมเต็มทุก lifestyle ทั้งกลุ่ม Sport & Adventure สำหรับแฟชั่นกีฬาที่เจาะลึก ทั้ง Golf, การวิ่ง กลุ่มเครื่องสำอางและแฟชั่น อย่าง Pomelo, Beautrium กลุ่มครอบครัว ทั้งร้านของเล่นแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น, ร้าน Pet N Me ครั้งแรกของเอาต์เลต ซึ่งเป็น Category ใหม่สำหรับเอาต์เลตในเมืองไทย, B2S เอาต์เลตครั้งแรก และ แบรนด์ technology อย่าง XIAOMI BY Dimi Technology



    3. ขยายฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถดึงลูกค้าข้าม Catchment ได้ครอบคลุม Bangkok CBD ที่มีกำลังซื้อสูง โดย 70% คือลูกค้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงมีลูกค้าประจำที่อยู่รอบศูนย์ฯ มีโรงเรียนอินเตอร์, หมู่บ้านระดับกลางถึงไฮเอนด์ นอกจากนี้ เราประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องในการสร้าง Lifestyle Communities ใหม่ๆ ได้แก่

    กลุ่ม Family: เพิ่มแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น เช่น สินค้า Home & Living, เครื่องครัว, ของเล่นเด็กและเสื้อผ้า พร้อมด้วยสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่แบบ Full-scale playground, Pet-Friendly สร้างคอมมูนิตีคนรักสัตว์ และร้านชา-กาแฟ สไตล์ญี่ปุ่น

    กลุ่ม Wealth เจาะกลุ่ม High spender จัดกิจกรรม Supercar meeting ทุกสัปดาห์ และสามารถ Targeting กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงของศูนย์การค้าเซ็นทรัลในสาขาอื่นๆ ทั่วประเทศมาต่อยอดทำ CRM Marketing ได้อย่างตรงจุด

    กลุ่ม Sport Lifestyle : ทำให้โครงการกลายเป็น Sport Destination มีกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬา เล่น Skateboard ดังนั้นเราจึงเติมเต็มด้วยแบรนด์ใหม่ๆ เช่น Rev-Runner ร้านรองเท้าวิ่ง และอุปกรณ์วิ่งโดยเฉพาะ, Columbia อุปกรณ์แคมปิ้ง, จักรยาน, กอล์ฟ, วิ่ง และลาน Skate park




    4. เพิ่มช่องทางการขาย Intensive Omnichannel ทั่วประเทศ CHAT & SHOP เป็น ‘Perfect Integration’ ที่ลงตัวเมื่อจับคู่กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ สามารถ Targeting ลูกค้ากำลังซื้อสูงของสาขาอื่นมาต่อยอดทำ CRM Marketing ได้ และเรามี  Unbeatable Advantage ของการมีศูนย์การค้าทั่วประเทศเป็นจุดส่งต่อสินค้าให้บริการ Cross Border และมีแผนเจาะกลุ่มตลาดเอเชียและอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV และมาเลเซีย นอกจากจะเป็นการปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว ยังช่วยสร้างยอดขายให้กับ Tenants ของเรา ช่วยให้คู่ค้ายังคงสามารถทำธุรกิจและเติบโตไปกับเราได้อย่างต่อเนื่อง

    5. มากกว่าเอาต์เลตสร้าง Festive Vibes ตลอดทั้งปี มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการมาชอปปิ้งเอาต์เลต ด้วยไฮไลต์ในเฟสสอง เช่น การเป็น Food destination รวมร้านอาหารดังไว้มากมาย และเตรียมพบกับ ‘ตรอกญี่ปุ่น’ ที่คนชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นต้องไม่พลาด, จุด Attraction landmark เช่น ลานน้ำพุขนาดใหญ่ ภายใต้การตกแต่งสถาปัตยกรรมแบบ Thai heritage และร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด โดยในช่วงเทศกาลปลายปีเตรียมเนรมิตต้นคริสต์มาสยักษ์กลางลานน้ำพุ ตระการตากับการประดับไฟทั่วทั้งพื้นที่ สร้าง Festive Vibes ฉลองสิ้นปีไม่แพ้บรรยากาศเอาต์เลตเมืองนอก เพื่อส่งพลังความสุข Forwarding Happiness 2022 ให้กับทุกคน พร้อมจุด Instagrammable Photo Landmark สีสันสดใสทั่วทั้งศูนย์ฯ

    “เซ็นทรัล วิลเลจ” มีมูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 36,000 ตร.ม. มีที่จอดรถมากกว่า 2,000 คัน เดินทางสะดวกจากในเมือง Bangkok CBD เพียง 30-45 นาที และใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมมอบเอาต์เลตดีลที่ดีที่สุด ชอปแบรนด์เนมคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า ลดสูงสุด 35-70% ช่วงแคมเปญพิเศษลดถึง 90% เปิดให้บริการทุกวันจันทร์- ศุกร์ เวลา 11.00-21.00น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-22.00 น. ติดตามรายละเอียดอื่นๆ : http://www.centralvillagebangkok.com, LINE: @centralvillage, Facebook: Central Village, Instagram: centralvillagebangkok



















กำลังโหลดความคิดเห็น