การตลาด – เปิดสูตร อ.ส.ค. ภายใต้ แม่ทัพคนใหม่ “สมพร ศรีเมือง” ลุูกหม้อเก่า ขึ้นกุมบังเหียน วางกลยุทธ์รุก ผลักดันไทย-เดนมาร์ค หรือนมวัวแดง เติบโตทุกทิศทาง พร้อมขยายตลาดใหม่ๆด้วยกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ดันสู่เป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท ในปีหน้า
ผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค หนึ่งในธุรกิจที่สำคัญของ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. กำลังก้าวสู่การเปิดเกมรุกในตลาดนมพร้อมดื่มอีกครั้งอย่างน่่าสนใจ ภายใต้การบริหารงานของ “สมพร ศรีเมือง” ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย คนใหม่ ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 มีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง
“สมพร ศรีเมือง” ถือเป็นลูกหม้อคนหนึ่งที่สำคัญของ อ.ส.ค. ก็ว่าได้ ที่รู้ตื้นลึกหนาบางถึงเรื่องราวของนมเป็นอย่างดี
เพราะตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีสาขาสัตวศาสตร์ (โคนม-โคเนื้อ) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ เริ่มงานครั้งแรกเมื่อปี 2531 ในตำแหน่งลูกจ้างรายเดือน แผนกบำรุงพันธุ์ ฝ่ายวิชาการและสาธิตจากนั้นปี 2532 ได้รับการบรรจุทดลองงานในตำแหน่งพนักงานเกษตรตรี แผนกบำรุงพันธุ์ ฝ่ายวิชาการและสาธิต กระทั่ง 1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564 ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ อ.ส.ค. มีหน้าที่ดูแล สำนักงานอ.ส.ค.ภาคกลาง สำนักงานอ.ส.ค.ภาคใต้ สำนักงาน อ.ส.ค.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงาน อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนล่าง สำนักงาน อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนบน ฝ่ายการตลาดและการขาย และ 1 ตุลาคม 2564 – 30 พฤศจิกายน 2564 ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ทำการแทนผู้อำนวยการ อ.ส.ค.
จนวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ครม. มีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้ดำรงตำแหน่งผอ.อ.ส.ค.คนล่าสุด ซึ่งจากประวัติและผลงานนายสมพรได้รับการยอมรับว่าเป็นลูกหม้อคนสำคัญของ อ.ส.ค.ที่มีความรู้ ความสามารถคลุกคลีด้านโคนมและอุตสาหกรรมนมมาอย่างยาวนานกว่า 31 ปี จนได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารสูงสุดของ อ.ส.ค. ในปัจจุบัน ในขณะที่ อ.ส.ค. กำลังก้าวสู่ปีที่ 60 ในเดือนมกราคม 2565 นี้
“จะเร่งเดินหน้าผลักดัน อ.ส.ค.ก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมนมของประเทศและจะให้ความสำคัญในการสืบสาน ต่อยอดโคนมอาชีพพระราชทานให้มีความมั่นคง ยั่งยืนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ อ.ส.ค.จำนวน 4,600 ฟาร์ม โดยอ.ส.ค.ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและรับซื้อน้ำนมดิบของเกษตรกรเครือข่ายอยู่ประมาณวันละ 700 ตัน เพื่อนำมาผลิตผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทั้งนมพาณิชย์และนมโรงเรียนจำหน่ายออกสู่ตลาดซึ่งถือเป็นการส่งเสริมรายได้และอาชีพให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมาอย่างยาวนานควบคู่กับก่อตั้ง อ.ส.ค. มากว่า 59 ปี” นายสมพร ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. คนใหม่หมาดๆ กล่าว
การเป็นลูกหม้อนี้เอง ที่ทำให้ เขาย่อมรู้ดีถึงจุดแข็งจุดอ่อนและสิ่งที่มีทั้งหมดของ อ.ส.ค. ว่าควรจะเดินทัพไปทิศทางใด และอย่างไร กับทรัพย์สินและทุกสิ่งที่มีอยู่ของ อ.ส.ค. ไม่ว่าจะเป็น ฟาร์มโคนม น้ำนมดิบ เทคโนโลยี การผลิตที่มีโรงงานผลิตภัณฑ์นมของ อ.ส.ค. ทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย เชียงใหม่ สุโขทัย ขอนแก่น สระบุรีและปราณบุรี เครือข่ายเกษตรกรต่างๆ ช่องทางการจัดจำหน่ายต่างๆของ อ.ส.ค. ที่จะเป็นแรงสนับสนุนต่อการเปิดเกมรุก ด้วยเป้าหมายหลักที่ต้องผลักดันรายได้รวมของ อ.ส.ค. ให้ได้ถึง 10,000 ล้านบาท ภายในปีหน้า(2565)
การจะเป็นผู้นำนมพร้อมดื่มต่อเนื่อง ย่อมเป็นไปได้จาก 2 ทางหลักคือ การเพิ่มยอดขายให้กับตัวเอง และการแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งเดิมๆ ซึ่งแต่ละรายก็มีความแข็งแกร่งเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น โฟร์โมสต์ ดัชมิลล์ ซีพีเมจิ เป็นต้น
ดูเหมือนว่ามีทั้งความยากและความง่ายในตัวที่จะต่อกรกับคู่แข่ง
ขณะที่ตลาดรวมยังคงเปิดกว้างอยู่ เพราะคนไทยยังดื่มนมน้อยมากต่อคนต่อปี โอกาสที่จะทำตลาดจึงยังมีอีกมาก ปัจจุบันนับได้ว่าเฉลี่ยการดื่มนม/คน/วันยังค่อนข้างน้อย โดยช่วงอายุ 13-20 ปี บริโภคนมลดลงกว่าครึ่ง จากสัดส่วน 89% เหลือเพียง 44% เมื่อเทียบกับวัยอนุบาลและประถมศึกษา ซึ่งเฉลี่ยโดยประมาณ 70% ดื่มนม เพียง 1 ครั้งในตอนเช้าหรือก่อนนอน และสาเหตุที่ไม่ดื่มนม เพราะไม่ชอบดื่มนมถึง 24.50% และคิดว่าไม่จำเป็นอีก 12.58%
ว่าไปแล้ว ผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า นมวัวแดง อย่ในสถานะเป็นนำตลาดรายหนึ่งด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 50% ท่ามกลางการแข่งขันทีรุนแรงของตลาดนมพร้อมดื่ม อีกทั้งยังต้องแข่งขันกับตลาดเครื่องดื่มอื่นๆที่มีมากมายหลายเซกเมต์ โดยเฉพาะก่ลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ไม่ใช่นม
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของ อ.ส.ค. และนมวัวแดงมาตลอดในหลายทิศทาง และหลายรูปแบบ และจากนี้คาดว่ากลยุทธ์การรุกของ อ.ส.ค.จะเข้มข้นขึ้นมาอีกแน่นอน
“ในเดือนมกราคม 2565 อ.ส.ค.จะครอบรอบ 60 ปี มีแผนที่จะผลักดัน อ.ส.ค. ก้าวสู่มิติใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมของประเทศ นอกจากการครองตำแหน่งเจ้าตลาดนมกลุ่มเจเนอรัลมิลค์ แล้ว อ.ส.ค.มีแผนจะบุกเบิกและขยายตลาดผลิตภัณฑ์นมตั้งแต่ปลายปี 64 เป็นไป ด้วยการยกระดับคุณภาพาการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้นตอกย้ำการเป็นแบรนด์ ผู้นำในการใช้น้ำนมโคนมแท้ 100% และมีโรงงานที่ทันสมัยและได้มาตรฐานมากที่สุดของประเทศ”
“ทิศทางตลาดผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค นับจากนี้ไป เราจะเน้นเจาะและขยายตลาดผลิตภัณฑ์นมที่มีมูลค่าสูง (HIG VALUE)อาทินมสำหรับกลุ่มผู้ป่วย นมสำหรับผู้สูงวัย การพัฒนานมสูตรพิเศษเพื่อจำหน่ายให้กับร้านชา ร้านกาแฟซึ่งปัจจุบันมีการขยายตัวสูงในตลาด ไปจนถึงนมผงเลี้ยงเด็ก เป็นต้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคปัจจุบัน” นายสมพร กล่าว
ความท้าทายหลักประการหนึ่งของ ผู้นำทัพ อ.ส.ค.คนใหม่ ก็คือการวางแผนเพื่อเดินเกมการตลาดผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คหรือนมวัวแดง ให้สามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดด้วยการรักษามาร์เก็ตแชร์ตลาดกลุ่มเจเนอรัลมิลค์ (General Milk) ซึ่งปัจจุบัน อ.ส.ค. ครองอันดับหนึ่งในตลาดในสัดส่วนประมาณ 50 % ต่อไปให้ได้ พร้อมกับเร่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่หลากหลายออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับ อ.ส.ค.
ทั้งนี้ปี 2564 นี้คาดว่าทำยอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 9,700 ล้านบาท และปี 2565 วางเป้าหมายเพิ่มยอดขายเป็น 10,000 ล้านบาท
สินค้าใหม่ย่อมเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้เติบโตและสร้างความเคลื่อนไหวในตลาดได้อย่างดี
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เตรียมออกสู่ตลาดในปลายปี 64 นี้ ได้แก่ นมผงอัดเม็ดจะเปิดตัวภายในเดือนธันวาคมนี้ ความพิเศษของนมอัดเม็ดไทย-เดนมาร์คคือจะผลิตโดยใช้น้ำนมโคสดแท้ 100% ของเกษตรกรไทย ไม่ได้ใช้นมผงจากต่างประเทศเหมือนยี่ห้ออื่นที่จำหน่ายอยู่ในตลาด เนื่องจากอ.ส.ค.ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรไทยที่ขายน้ำนมดิบให้กับ อ.ส.ค.ได้มีรายได้ ที่มั่นคง ยั่งยืนในการประกอบ อาชีพการเลี้ยงโคนม
นอกจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว อ.ส.ค. ยังมีแผนจะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวชิวดีตัวใหม่ กลุ่มมิกซ์เบอร์รี่ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่มีเจ้าไหนทำตลาดในเมืองไทย ซึ่งปัจจุบัน อ.ส.ค.ได้จัดซื้อเครื่องจักรทันสมัยสามารถเติมชิ้นเนื้อผลไม้ต่างๆ เข้าไปเพื่อความอร่อยและหลากหลายได้
นอกจากนี้ยังยังเตรียมเปิดตัวนมสเตอริไลซ์ (Sterilized milk) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์นม (Dairy product) ชนิดหนึ่งน้ำนมที่บรรจุในภาชนะที่สะอาดปิดผนึกสนิทผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อด้วยความร้อนระดับ commercial sterilization โดยใช้อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส และใช้เวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ต้องทำให้เป็นเนื้อเดียวกันสามารถนำไปผลิตเป็นเครื่องดื่มประเภท นมปั่นได้หลากหลายประเภท โดยวางเป้าหมายตลาดกลุ่มร้านกาแฟ ร้านชาและร้านอาหารและในร้านคาเฟ่นม “มิลแลนด์” ของ อ.ส.ค. เอง
สำหรับสถานการณ์อุตสาหกรรมนมในประเทศที่ผ่านมา ตลาดนมในประเทศกลุ่ม Main stream มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นเซกเมนต์ที่ค่อนข้างอิ่มตัว ดังนั้น อ.ส.ค.จึงได้เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ยังคงคุณค่าความเป็นนมโคสดแท้เพื่อเจาะลูกค้าในเซกเมนต์อื่นเพิ่มเติม เพื่อรักษาผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์นมในประเทศให้มั่นคงยาวนานที่สุด
กลยุทธ์การรุกสู่ตลาดใหม่ๆนี้ย่อมน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งเท่ากับว่า ไทย-เดนมาร์ค กำลังเดินกมรบแบบ แยกเซ็กเมนต์ออกมาอย่างละเอียด เพื่อทำการตลาดให้ตรงเป้าหมายที่แคบลง ไม่ว่าจะเป็นนมสำหรับผู้ป่วย นมสำหรับผู้สูงวัย เป็นต้น ที่เปรียบเสมือนการรุกสู่ตลาดน่านน้ำใหม่หรือบลูโอเชียน (Blue Ocean) ที่ย่อมเป็นการทำตลาดที่ไม่แพ้แบรนด์ต่างๆของเอกชนเลยทีเดียว
ล่าสุดก่อนหน้านี้ อ.ส.ค. ก็ถือฤกษ์ วันที่ 11 เดือน 11เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นโยเกิร์ตพร้อมดื่ม ยู.เอช.ที.ตราไทย-เดนมาร์ค ขนาดปริมาตรสุทธิ 200 มล. รวดเดียวถึง 4 รสชาติ คือ รสส้ม , รสสับปะรด , รสเลมอน และรสสตรอเบอร์รี่ ซึ่ง อ.ส.ค.วางเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มเพิ่มขึ้นประมาณ 5% และมีแผนขยายสัดส่วนการตลาดนมกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งยังได้ออกผลิตภัณฑ์นมปรุงแต่งยูเอชที รสเผือก และรสมะม่วงมหาชนก ตราไทย-เดนมาร์ค ขนาด150 มล. ภายใต้กล่องบรรจุภัณฑ์ยูเอชที "รักเรา รักษ์โลก" โดยวางเป้าหมายเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบการดื่มนมเป็นอาหารว่าง (snack drink) จะเป็นสินค้า Limited Editionจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ของ อ.ส.ค ได้แก่ LINE OFFICIAL นมไทย- เดนมาร์ค Shopee Lazada พร้อมทั้งยังมีโปรโมชั่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม – 30 กันยายน 2564 เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น การที่มีแผนจะเจาะตลาดช่องทางร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ คาเฟ่ ก็น่าจะเป็นการสร้างการเติบโตที่ดีเช่นกัน เพราะธุรกิจร้านคาเฟ่ เบเกอรี่ ร้านกาแฟ ในไทย ยังมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ถือเป็นอีกตลาดใหม่อย่างหนี่งที่จะเข้าไปสร้างส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นได้
ถึงขนาดที่ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว อ.ส.ค. ก็แตกธุรกิจใหม่สู่การทำรีเทล ด้วยการทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันคือ การเปิดร้านมิ้ลค์แลนด์ เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ Thai-Denmark Milk Land ของตัวเองขึ้นมา เป็นร้านขายผลิตภันฑ์เครื่องดื่มที่เกี่ยวกับนม ที่ผ่านมาได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี โดยมีเป้าหมายระยะยาวว่าจะต้่องเปิดให้ได้มากถึง 500 สาขา ภายใน 5 ปี ้โดยเน้นการขายแฟรนไชส์เป็นหลัก ผ่านเอกชนที่เป็นผู้รับสิทธิ์ตัวแทนการบริหารจัดการแฟรนไชส์ เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่อ.ส.ค.ทำเองมาก่อนตั้งแต่ช่วงปี2562 ซึ่งขณะนี้่มีร้านเปิดแล้วมากกว่า 100 สาขา
ช่องทางนี้่เองที่่จะสร้างยอดขายได้อย่างดี เสริมทัพจากช่องทางเทรดดิชันนัลเทรดและโมเดิร์นเทรดเดิมที่วางจำหน่ายอยู่แล้ว รวมทั้ง
ไม่นานนี้ก็ขยายสู่ช่องทางออนไลน์ด้วยการขายผ่าน มาร์เก็ตเพลซดังอย่าง ลาซาด้า กับ ช้อปปี้ ช่องทางอย่างร้านฟาสต์ฟู้ด อ.ส.ค. ก็ทำมาแล้วด้วยการจับมือกับทาง ร้านแมคโดนัลด์ นำนมวัวแดงเข้าไปวางจำหน่ายพร้อมกับการทำโปรโมชั่นร่วมกัน
นายสมพรกล่าวถึงสถานการณ์ตลาดผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คในปีที่ผ่านมาด้วยว่า แม้จะประสบปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แต่ด้วยความเข้มแข็งของแบรนด์ไทย-เดนมาร์คที่มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และการเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์นมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง ส่งผลให้ยังคงครอบสัดส่วนตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้น มีเพียงตัวเลขมูลค่าตลาดนมยูเอชทีในช่องทางโมเดิร์นเทรดโดยรวมเท่านั้นที่มีอัตราการเติบโตติดลบถึง 8% แต่ อ.ส.ค.ได้โหมกิจกรรมที่หลากหลายในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี ส่งผลให้สามารถจำหน่ายในช่องทาง traditional trade ได้เพิ่มมากขึ้นจากปี 2563 ถึง 27% ดังนั้นจึงมั่นใจว่าในปี 2565 อ.ส.ค.จะสามารถทำยอดขายรวมทะลุเกินเป้าที่ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน