เปิดเวทีประชาพิจารณ์ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูหีบปี 2564/65 ที่กำหนดเบื้องต้นเฉลี่ย 1,040 บาทต่อตัน 4 องค์กรชาวไร่อ้อยเตรียมยื่นข้อเสนอขอเป็น 1,100 บาทต่อตัน เหตุราคาดังกล่าวไม่จูงใจท่ามกลางต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งค่าปุ๋ย ราคาน้ำมันที่กระทบต่อการขนส่ง และการตัดอ้อยสดที่ต้องพึ่งพาการใช้รถตัดมากขึ้น จับตา “กอน.” เคาะ 17 พ.ย.ชี้ขาด
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อย เขต 7 เปิดเผยว่า การเปิดรับฟังความคิดเห็น (ประชาพิจารณ์) ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2564/65 วันที่ 15 พ.ย.นี้ผ่านระบบ Zoom ซึ่งการคำนวณเบื้องต้นกำหนดราคาไว้เฉลี่ยทั่วประเทศ 1,040 บาทต่อตัน(10 ซีซีเอส) ตัวแทน 4 องค์กรชาวไร่อ้อยที่ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย จะยื่นหนังสือพร้อมแถลงการณ์จุดยืนชาวไร่อ้อยทั่วประเทศที่ต้องการเสนอราคาอ้อยขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1,100 บาทต่อตัน (10 ซีซีเอส)
“ราคาดังกล่าวเป็นราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ ซึ่งหากประกาศแต่ละเขตจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับค่าความหวาน ซึ่งจากการหารือ 4 องค์กรชาวไร่อ้อยสรุปเห็นว่าในฤดูผลิตปีนี้ชาวไร่อ้อยได้เผชิญกับภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะระดับราคาปุ๋ยที่สูงขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบเท่าตัวซึ่งจะมีผลกระทบต่อการตัดอ้อยสดที่ส่วนหนึ่งต้องพึ่งพารถตัด และรวมไปถึงค่าขนส่งอ้อยที่จะสูงขึ้นอีกจึงเห็นว่าระดับ 1,040 บาทต่อตันต่ำเกินไป ซึ่งท้ายสุดราคาจะออกมาอย่างไรจะอยู่ที่การประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ที่นัดหารือวันที่ 17 พ.ย.นี้จะเห็นชอบต่อไป” นายนราธิปกล่าว
นอกจากนี้ กอน.จะต้องกำหนดวันเปิดหีบในฤดูหีบปี 2564/65 โดยเบื้องต้นชาวไร่คาดว่าจะเป็นช่วงหลังวันที่ 15 ธันวาคม 2564 เนื่องจากพบว่าปริมาณฝนที่มากทำให้หลายพื้นที่ยังไม่แห้งพอที่จะนำรถตัดอ้อยได้ แต่ทั้งนี้ก็คงต้องอยู่ที่การหารือ อย่างไรก็ตาม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 14 พ.ค. 2564 ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ที่กำหนดให้ฤดูกาลผลิตปี 2564/65 จะต้องมีอ้อยไฟไหม้เข้าหีบไม่เกิน 10% ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะมีการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยทุกรายที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานในอัตรา 120 บาทต่อตันอีกส่วนหนึ่ง โดยกรอบดังกล่าวจะต้องให้ กอน.เห็นชอบเช่นกัน
สำหรับการตัดอ้อยสดส่วนหนึ่งจะต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว โดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ในภาคตะวันออกซึ่งจากการที่รัฐบาลได้ทำการลงนาม (MOU) กับประเทศเพื่อนบ้านในการนำเข้าแรงงานมานั้น เบื้องต้นทำให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานยังไม่มีมากนัก เนื่องจากการตัดอ้อยสดที่เป็นนโยบายของภาครัฐทำให้มีการพึ่งพาระบบเครื่องจักรมากขึ้นต่อเนื่องทำให้ลดการใช้แรงงานต่างด้าวมากขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้การใช้แรงงานต่างด้าวจะมากหรือน้อยก็อยู่ที่ปริมาณฝนด้วย หากระหว่างหีบมีฝนตกรถตัดอ้อยก็จะไม่สามารถลงพื้นที่ได้เท่ากับแรงงานคน
แหล่งข่าวจากโรงงานน้ำตาลทรายกล่าวว่า ระดับราคาที่เหมาะสมก็คงขึ้นอยู่กับ กอน.จะพิจารณาเห็นชอบ โดยในฤดูหีบปี 2564/65 โรงงานน้ำตาลทรายได้ทำการประกันรับซื้อราคาอ้อยสดขั้นต่ำระดับ 1,000 บาทต่อตัน และได้ประกาศต่อเนื่องถึงปีการผลิต 2565/66 เนื่องจากระดับราคาน้ำตาลทรายดิบที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณราคาอ้อยมีแนวโน้มที่สูงเฉลี่ย 19 เซ็นต์ต่อปอนด์ในฤดูผลิตปี 2564/65 ส่งผลให้ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายฤดูหีบปี 2563/64 สูงกว่าขั้นต้นที่กำหนดไว้ 920 บาทต่อตัน (10 ซีซีเอส) โดย กอน.จะมีการเห็นชอบประกาศราคาต่อไป แต่โรงงานบางแห่งได้มีการสำรองจ่ายให้ชาวไร่อ้อยเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องช่วงเปิดหีบบ้างแล้ว