PTTGC ควง TOP คว้ารางวัลหุ้นยั่งยืนจาก THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 สะท้อนถึงการดำเนินงานด้าน ESG
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 (ปี 2558-2564) (Thailand Sustainability Investment 2021 : THSI) กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม สะท้อนถึงการดำเนินงานด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) ที่เป็นไปตามเกณฑ์การประเมินด้านความยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ฯ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมีการขยายผลสร้างประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกในวงกว้าง ประกอบด้วย ด้านสิ่งแวดล้อมเล็งเห็นปัญหาจากภาวะโลกร้อนที่มีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมของโลกเป็นสำคัญ ได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 20% ภายในปี 2573 เพื่อเดินหน้าสู่เส้นทางที่จะไปถึง Net Zero ในปี 2593 ตามข้อตกลงสนธิสัญญาปารีส
ด้านสังคม ในช่วงวิกฤตโควิด-19 บริษัทให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับแรก เมื่อภายในเข้มแข็งแล้ว เร่งช่วยเหลือสังคม ทั้งในระดับชุมชน จังหวัด และประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในการผลิตอุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์เพื่อช่วยเหลือสังคมโดยเร่งด่วน
ด้านบรรษัทภิบาล บริษัทจะไม่สามารถเป็นองค์กรยั่งยืนได้เลยหากการปฏิบัติงานด้านบรรษัทภิบาลไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ซึ่งบริษัทเป็นองค์กรแรกๆ ที่ขานรับการทำรายงานประจำปี แบบ 56-1 One Report ที่ได้ Integrate รายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้แก่สาธารณชนได้รับรู้ และได้รับเกียรติให้เป็นผู้แบ่งปันประสบการณ์แก่บริษัทจดทะเบียนไทยรายอื่นๆ เพื่อร่วมพัฒนาการจัดทำรายงานประจำปีไปในรูปแบบเดียวกัน
ส่วนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) ได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นที่มีผลตอบแทนอย่างยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยในปีนี้มีบริษัทจดทะเบียนจำนวน 146 บริษัทได้รับการคัดเลือกเป็นหุ้นยั่งยืน ‘Thailand Sustainability Investment’ (THSI) ประจำปี 2564 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ไทยออยล์ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG โดยในปีนี้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการภาวะวิกฤตที่ครอบคลุมถึงการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ชัดเจน และให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานเพื่อให้ธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงสามารถรักษาประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน (Operational Efficiency) พร้อมทั้งช่วยเหลือสังคมและผู้มีส่วนได้เสียเพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ไปด้วยกัน รวมถึงการปรับตัวบนพื้นฐานของ Digital Transformation ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น (Emerging risks) อีกทั้งยังมีการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่น พร้อมขับเคลื่อนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต และขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กร 100 ปีที่ยั่งยืน