“ศักดิ์สยาม” เซ็นประกาศกฎกระทรวง แอปฯ เรียกรถกำหนดอัตราค่าบริการ ด้าน ขบ.ออกประกาศลูก 4 ฉบับ กำหนดเกณฑ์แอปฯ เปิดยื่นขึ้นทะเบียนแอปฯ คาดมีรถส่วนตัว 1 หมื่นคัน เผยอัตราเริ่มที่ 40 บาท รถใหญ่ 100 บาท
วันที่ 1 ต.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีกฎกระทรวงรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 2564 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 23 มิถุนายน 2564 โดยกำหนดให้มีรถยนต์รับจ้างทางเลือกผ่านแอปพลิเคชันขึ้นอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทาง เพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน และเพื่อให้สามารถควบคุม กำกับ ดูแลการให้บริการในลักษณะดังกล่าวให้เกิดความปลอดภัยและเป็นธรรม
โดยเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 ตนได้ลงนามในประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่องกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่นสำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 และเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ออกอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 4 ฉบับ ลงนามโดยนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เรียบร้อยแล้ว ทำให้ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันที่มีความพร้อมลงนามประกาศและต้องการร่วมให้บริการ สามารถยื่นขออนุญาตและขอการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้แล้ว
โดยหากคุณสมบัติ และเอกสารตามเงื่อนไขครบถ้วน เช่น ทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท เป็นนิติบุคคลไทย เป็นต้น ส่วนแอปฯ มีหัวข้อ รายละเอียด เป็นไปตามเงื่อนไขที่ ขบ.ประกาศครบถ้วนถูกต้อง ซึ่งคาดจะใช้เวลาตรวจสอบและรับรองแอปพลิเคชันดังกล่าวภายใน 1 เดือน โดยขณะนี้มีผู้ให้บริการแอปฯ 5-6 รายที่แสดงความสนใจ
สำหรับประกาศกรมการขนส่งทางบก 4 ฉบับ ประกอบด้วย 1. ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดคุณลักษณะและระบบการทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกส์ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองระบบอิเล็กทรอนิกส์และผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ 2564
2. ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดเครื่องหมายและการแสดงเครื่องหมายแสดงการเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 2564
3. ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการวัดกำลังของเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า และการวัดความสามารถในการขับเคลื่อนของรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 2564
4. ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการทางทะเบียนและภาษีสำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 2564
สำหรับอัตราค่าโดยสารเริ่มต้น สำหรับรถที่เรียกผ่านแอปฯ อยู่ระหว่าง 40-150 บาท แยกตามขนาดของรถ อัตราค่าโดยสารจะกำหนดตามระยะทางเกินกว่า 2 กิโลเมตร (กม.) แรก คิด กม.ละ 6-16 บาท โดยจะกำหนดสอดคล้องกับขนาดของรถ และมีอัตราค่าโดยสารขณะรถจอดนิ่ง หรือรถติด (traffic charge) คิดอัตราไม่เกิน 2 บาท/นาที และจะมีค่าธรรมเนียมเรียกใช้งานครั้งละ 20 บาทอีกด้วย
นอกจากนี้ ได้กำหนดให้แอปฯ เรียกรถที่ขึ้นทะเบียนกับ ขบ. จะต้องมีการจัดเรียงลำดับ โดยให้ความสำคัญต่อรถแท็กซี่สาธารณะไว้ลำดับแรก รองลงมาเป็นรถประเภทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถใช้ไฟฟ้า ส่วนรถยนต์ส่วนบุคคล และรถที่ขนาดใหญ่ รถลิมูซีน จะอยู่ลำดับต่อๆ ไป
เมื่อผู้ให้บริการได้รับการรับรองจากกรมฯ แล้ว จึงจะสามารถเปิดรับสมัครผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าเป็นสมาชิกได้ ซึ่งผู้ขับรถรับจ้างผ่านแอปฯ นี้ มีการกำหนดเงื่อนไขคือ 1 คน/รถ 1 คัน แต่สามารถเป็นสมาชิกหลายแอปฯ ได้
โดยผู้ขับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จะต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะที่ถูกต้อง ผ่านการสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รถยนต์ที่ใช้จะต้องเป็นของตนเองมีอายุการใช้งานไม่เกิน 9 ปี มีหลักฐานการจัดให้มีประกันภัย และประกันภัยเพิ่มเติมตามกฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยฯ ด้วย รถที่ขึ้นทะเบียนแล้วจะได้รับเครื่องหมายรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับแสดงที่กระจกกันลมหน้าและกระจกกันลมด้านหลัง จึงจะสามารถออกให้บริการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“เรื่องนี้จะทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ให้บริการและประชาชน โดยแท็กซี่ในระบบนั้นจะสามารถให้บริการในรูปแบบเดิม และเรียกใช้ผ่านแอปฯ ได้ ส่วนรถส่วนบุคคลจะสามารถเรียกใช้ผ่านแอปฯ ได้อย่างเดียว โดยหลังเปิดดำเนินการจะมีการประเมินผลเป็นระยะ โดย ขบ.จะมีการติดตั้ง QR CODE บนรถที่ให้บริการผ่านแอปฯ เพื่อให้ประชาชนที่ได้ใช้บริการรถผ่านแอปฯ ร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อจะได้ปรับปรุงการบริการให้มีคุณภาพต่อไป รวมถึงสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ด้วย“
ในส่วนของรถจักรยานยนต์ที่นำมาวิ่งให้บริการส่งสินค้าและอาหาร หรือไรเดอร์นั้น ได้ให้นโยบายกับ ขบ.เร่งจัดระเบียบเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างจัด Workshop ให้เวลา 30 วัน หากถ้าไม่ทันก็ให้ต่อเวลามา
@เรียกรถแท็กซี่ผ่านแอปฯ ค่ามิเตอร์เท่าเดิม มีค่าเรียกใช้ 20 บาทเท่านั้น
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ.กล่าวว่า รถแท็กซี่ในระบบนั้นนอกจากให้บริการตามรูปแบบเดิมแล้วยังสามารถเข้าเป็นสมาชิก เรียกใช้ผ่านแอปฯ ที่ได้รับการรับรองจาก ขบ.แล้วได้ด้วย โดยใช้อัตราค่าโดยสาร (มิเตอร์) เดิม คือมีค่าแรกเข้า 35 บาท และอัตราต่อ กม.ตามประกาศปัจจุบันของ ขบ.ไม่มีการปรับราคาใดๆ โดยกรณีที่เรียกใช้ผ่านแอปฯ จะต่างจากการโบกเรียกรถแท็กซี่ตามเดิม คือระบบของแอปฯ จะคำนวณค่าบริการและสภาพจราจรตามห้วงเวลาที่เรียกใช้แจ้งราคาล่วงหน้า และมีค่าเรียกใช้บริการผ่านเครื่องมือสื่อสาร 20 บาท ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับการเรียกรถแท็กซี่ผ่านศูนย์แท็กซี่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
@คาดรถส่วนบุคคลกว่า 1 หมื่นคันเข้าร่วมบริการ
สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลนั้น ระบบแอปฯ จะคำนวนค่าโดยสารโดย ขบ.กำหนดเพดานอัตราไว้ให้ โดยเจ้าของแอปฯ จะหักค่าส่วนแบ่งจากผู้ขับรถส่วนบุคคลที่เป็นสมาชิกได้ไม่เกิน 25% ของค่าบริการในแต่ละครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีรถยนต์ส่วนบุคคลเข้าร่วมให้บริการผ่านแอปฯ ไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน
สำหรับขั้นตอนเจ้าของแอปพลิเคชันต้องยื่นเรื่องขออนุญาตไปยัง ขบ. ได้แก่ ต้องมีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด คือเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย, มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท, มีสถานที่ประกอบการในไทย, เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาขอรับรอง, ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนการได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการระบบ GPS ตามกฎหมายของ ขบ.
ส่วนอัตราค่าโดยสาร แบ่งเป็น 3 ชนิด ตามประเภทของรถ คือ รถยนต์รับจ้างขนาดเล็ก ระยะทาง 2 กม.แรก 40-45 บาท ระยะทางเกินกว่า 2 กม.ขึ้นไป กม.ละ 6-10 บาท 2. รถยนต์รับจ้างขนาดกลาง ระยะทาง 2 กม.แรก 45-50 บาท ระยะทางเกินกว่า 2 กม.ขึ้นไป กม.ละ 7-12 บาท และรถยนต์รับจ้างขนาดใหญ่ ระยะทาง 2 กม.แรก 100-150 บาท ระยะทางเกินกว่า 2 กม.ขึ้นไป กิโลเมตรละ 12-16 บาท