กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ เดินเครื่องโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 2 กำลังผลิต 662.5 เมกะวัตต์เข้าระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมจับมือ Singtel ร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 บริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (Independent Power Producer : IPP) ได้แก่ โรงไฟฟ้า GSRC ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ โดยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยตามกำหนด (โดยหน่วยผลิตที่ 1 กำลังการผลิตติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา)
โครงการโรงไฟฟ้า GSRC ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้า IPP ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ภายใต้บริษัท อินดิเพนเดนท์พาวเวอร์ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (IPD) ซึ่งดำเนินโครงการ IPP จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 5,300.0 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า GSRC และโครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ พีดี (GPD) โดยมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งโครงการละ 2,650.0 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 4 หน่วยผลิต หน่วยผลิตละ 662.5 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.เป็นระยะเวลา 25 ปี
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้า GSRC มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยที่ 3-4 ในเดือนมีนาคม และตุลาคม 2565 ตามลำดับ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้า GPD มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2566-2567
นอกจากนี้ บริษัทได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับ Singapore Telecommunications Limited (Singtel) เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย โดยมีจุดมุ่งหมายร่วมลงทุนในสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากันที่ 50%
ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย จากการที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากขึ้นส่งผลให้ความต้องการในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งจากองค์กรในประเทศและไฮเปอร์สเกลเลอร์ (Hyperscalers) ที่เข้ามาสู่ตลาดในประเทศไทย ดังนั้นบริษัทฯ จึงร่วมมือกับ Singtel ในการจัดตั้งธุรกิจศูนย์ข้อมูลเพื่อตอบสนองการเติบโตของธุรกิจดังกล่าว โดยธุรกิจศูนย์ข้อมูลนี้จะบริหารจัดการโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับการใช้พลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ยังเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการผนึกความแข็งแกร่งจากทั้งสองบริษัท เนื่องจากบริษัทฯ มีประสบการณ์ในธุรกิจผลิตไฟฟ้ารวมถึงพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนมีความชำนาญในการพัฒนาธุรกิจในประเทศ ในขณะที่ Singtel มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจศูนย์ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายทั่วโลกอันจะเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจศูนย์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ