ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดรวมพิซซา 15,000 ล้านบาทยังตก คาดทั้งปีวูบ 15% ด้านเดอะพิซซ่าคอมปะนีหวั่นปีนี้ยอดขายรวมคงตก 10% หรือทำได้ 7,000 ล้านบาท จี้รัฐขอให้ฟูดเชนเข้าร่วมคนละครึ่งบ้าง พร้อมแนวคิดปรับเปลี่ยนเปิดสาขาในศูนย์มาชั้นล่างแทน อัดแคมเปญเด็ด “ซื้อ 1 แถม 1” นอกรอบ พร้อมเปิดกว้างให้สิทธิ์ทุกรูปแบบ
นายภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะพิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดพิซซารวมมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาทได้รับผลกระทบตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาดปีที่แล้ว ตลาดตกลงไปมากกว่า 15% แล้ว ทั้งที่เป็นเชนและที่เป็นร้านอาหารและพิซซาทั่วไปที่ต้องปิดตัวลง และคาดว่าจากนี้ไปหากสถานการณ์ดีขึ้นหรือมีการเปิดประเทศมากขึ้นตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ หรืออย่างช้าภายใน 3-6 เดือนจากนี้ตลาดรวมน่าจะฟื้นตัวดีขี้น แต่คงยังไม่สามารถกลับไปโตเหมือนเดิมก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้จะมีการคลายล็อกดาวน์และให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้บ้างแล้วก็ตาม แต่ภาพรวมยังไม่ได้ดีขึ้นมาก อีกทั้งผู้บริโภคจำนวนมากก็ยังไม่กล้าเข้าไปนั่งรับประทานในร้านเพราะยังกลัวๆ อยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ช่องทางนั่งรับประทานในร้านของเราตกลงมากกว่า 70% ขณะที่ภาพรวมของเดอะพิซซ่าคอมปะนีตกลงประมาณ 10% ซึ่งกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ยังต่ำอยู่
“การเปิดร้านอาหารในศูนย์การค้าจากนี้ไปมองว่าต้องเปลี่ยนทำเลแล้ว การจะเปิดในชั้นบนๆ คงไม่ได้แน่ ต้องปรับมาเปิดร้านที่ชั้นล่างแทน เพราะหากเกิดมีการล็อกดาวน์หรือมีปัญหาปิดศูนย์การค้าอีก ร้านที่อยู่ข้างบนจะลำบาก การมาเปิดชั้นล่างจะดีกว่าเพราะสามาารถบริการดีลิเวอรีและเทกโฮมได้ง่ายกว่า”
นายภาณุศักดิ์ให้ความเห็นด้วยว่า จากนี้ไปรัฐบาลไม่ควรที่จะล็อกดาวน์อีกแล้ว แต่ทางแก้ไขคือการจัดหาวัคซีนที่มีความพร้อมและรวดเร็วที่สุด รวมทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ควรจะเลิกได้แล้ว นอกจากนั้นยังเสนอด้วยว่า โครงการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง ควรจะเปิดโอกาสให้ร้านอาหารที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือที่เป็นเชนใหญ่ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้บ้าง เพราะฟูดเชนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะการปิดศูนย์การค้าหรือเปิดศูนย์ฯ ได้แต่ไม่สามารถเปิดบริการนั่งรับประทานในร้านได้ ส่วนผู้บริโภคเองก็จะนำสิทธิ์คนละครึ่งไปใช้กับร้านอาหารทั่วไปที่เข้าโครงการ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะคลายล็อกนั่งรับประทานในร้านในศูนย์การค้าได้บ้างก็ตาม ขณะที่แลนด์ลอร์ดศูนย์ฯ เอง การจะดึงปริมาณคนกลับเข้าศูนย์ฯ มากเหมือนอดีตก็คงยาก
“บริษัทฯ เคยเสนอมาแล้ว และครั้งนี้ก็ยังย้ำเสนออีกให้ภาครัฐหาแนวทางในการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ในเดือนตุลาคมนี้ ควรขยายประเภทร้านอาหารที่เข้าร่วมให้ครอบคุลม ทั้งนี้ สำหรับด้านมาตรฐานความปลอดภัยของร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยังได้รับสัญลักษณ์ “SHA” หรือมาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัยสำหรับร้านอาหารที่มีคุณภาพการจัดการร้านเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัส COVID-19 อีกด้วย” นายภาณุศักดิ์กล่าว
โควิดรอบแรกปีที่แล้วเราต้องปิดสาขาไปประมาณ 10 กว่าแห่ง ตอนนี้ก็มีบางแห่งที่ยังไม่เปิด หรือปิดถาวรไปเลยก็มี แต่แผนการเปิดสาขาใหม่ของเราก็ยังพอมีแต่ไม่ได้มาก โดยเฉพาะไปเปิดในทำเลใหม่ๆหรือจังหวัดที่เรายังไม่เคยมี เช่น เร็วๆ นี้จะเปิดที่สตูล ในอดีตก่อนเกิดโควิดเราเปิดปีละเกือบ 40 สาขา ลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 10 ล้านบาท ปัจจุบันนี้เดอะพิซซ่า คอมปะนี มีสาขาประมาณ 405 แห่ง รวมทั้งของบริษัทและแฟรนไชส์แล้ว ซึ่งรวมแบบเดลโกหรือจุดดีลิเวอรีด้วยที่คล้ายกับสมัยนี้ที่เขาเรียกกันว่าคลาวด์คิตเชน ที่เราทำมานานแล้วกว่า 160 แห่ง
สำหรับเดอะพิซซ่าคอมปะนี ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาที่ล็อกดาวน์ปิดศูนย์การค้า ยอดขายนั่งรับประทานในร้านกลายเป็นศูนย์ ขณะที่ช่องทางดีลิเวอรีเติบโต 60% แต่ก็ไม่สามารถกลับมาครอบคลุมรายได้นั่งรับประทานที่หายไปได้ ส่วนยอดบิลลดลงกว่าช่วงที่ผ่านมา
สำหรับปี 2564 นี้คาดว่าเดอะพิซซ่าคอมปะนีคงจะมีรายได้รวมตกลงประมาณ 10% หรือมียอดขายประมาณ 7,000 ล้านบาท ส่วนสัดส่วนช่องทางจำหน่ายขณะนี้คือ นั่งรับประทานในร้าน 10%, เทกอะเวย์ 30% และดีลิเวอรี 60% ซึ่งดีลิเวอรีเรามีทุกช่องทางการสั่ง จากก่อนหน้าเกิดโควิด สัดส่วนช่องทางการขายมาจากทั้งสามส่วนเท่ากัน
ล่าสุดได้จัดแคมเปญส่งเสริมการตลาด ซื้อ 1 แถม 1 “รอบพิเศษ ทุกหน้า ทุกขอบ ทุกช่องทาง ทุกวัน” ซึ่งปกติจัดเฉพาะเดือนเกิด คือ มีนาคม-เมษายน โดยความพิเศษของกิจกรรมครั้งนี้เลือกซื้อได้ไม่จำกัดประเภทหน้าพิซซา ไม่จำกัดขอบ ไม่จำกัดประเภทแป้งทั้งหนานุ่ม หรือบางกรอบ รวมถึงนิวยอร์กพิซซ่า XXXL 18 นิ้ว ก็ร่วมแคมเปญดังกล่าวจากเดิมนิวยอร์กพิซซ่าไม่ได้ร่วม อีกทั้งยังครอบคลุมทั้งการรับประทานในร้านทุกสาขา และดีลิเวอรี ผ่านโทร. 1112 แอปพลิเคชัน The Pizza Company 1112 รวมถึง แอปพลิเคชัน 1112 Delivery และพันธมิตร ได้แก่ ไลน์แมน แกร็บฟู้ด ฟู้ดแพนด้า หรือล่าสุด โรบินฮู้ด ตั้งแต่วันนี้ ถึง 8 พฤศจิกายน 2564 เริ่มต้นเพียง 239 บาท
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวเมนูใหม่ “พิซซ่าเบคอนเบรกแตก” และ “ขอบไส้กรอกชีสยักษ์พันเบคอน” ที่ร่วมแคมเปญ 1 แถม 1 ด้วยเช่นกัน พร้อมจัดโปรโมชันราคาพิเศษ 2 ถาดราคาเริ่มต้น 439 บาท สำหรับเมนูพิเศษนี้จะสามารถสั่งผ่านช่องทางการ โทร. 1112 และแอปพลิเคชัน The Pizza Company 1112 เท่านั้น โดยใช้งบตลาดมากกว่า 30 ล้านบาท