บีซีพีจีเผยแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่มีอัตราการผลิตสูงขึ้น และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นทยอยเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในครึ่งปีหลังนี้ รวมทั้ง M&A โครงการใหม่ดัน EBITDA ปีนี้ 20% ปลื้มไตรมาส 2/64 กำไรพุ่ง 59%
นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2564 มีกำไรสุทธิ 565ล้านบาท เพิ่มขี้นร้อยละ 59 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 355 ล้านบาท มีรายได้รวม 1,088ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก โรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ใน สปป.ลาว ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น และรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ จำนวน 4 โครงการที่ซื้อเข้ามาในไตรมาส 3/2563
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียและโรงไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 และ 130 จากไตรมาส 2/2563 ตามลำดับ จากค่าไฟที่ถูกปรับขึ้น อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยในไตรมาส 2/2564 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 80 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2564 มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 992 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 860 ล้านบาท จากแรงหนุนจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เติบโต
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 928 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 1,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,684 ล้านบาท และมีรายได้รวมจำนวน 2,135 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่คาดว่ามีอัตราการผลิตที่สูงขึ้น และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่ทยอยเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในครึ่งปีหลังเป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน รวมส่วนที่มีผู้ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) จำนวนรวม 7.9 พันล้านบาท ไปขยายการลงทุน (M&A) โครงการใหม่ตามแผน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่สามารถรับรู้รายได้ทันที ผลักดัน EBITDA ในปี 2564 โตไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายบัณฑิตกล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (กรีนบอนด์) เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ชำระคืนเงินกู้ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถจัดระยะเวลาการชำระหนี้ให้มีความเหมาะสมมากขึ้นด้วยอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งจะส่งผลให้โครงสร้างทางการเงินมีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต