“คมนาคม”จัดรถไฟและบขส. ส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนา 7 จังหวัดอีสานใต้ แล้ 2,824 ราย “ศักดิ์สยาม”กำชับกำหนดจุดรับ-ส่ง ผู้ป่วยให้ชัดเจน หลีกเลี่ยงพื้นที่มีประชาชนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างเดินทาง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามการเตรียมการส่งผู้ป่วย โควิด-19 กลับภูมิลำเนา ในพื้นที่ 7 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง” (บุรีรัมย์ ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และนครราชสีมา) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2564 ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ รายงานผลการดำเนินงานการอำนวยความสะดวก การเดินทางของผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ 7 จังหวัด ตั้งแต่ 21 กรกฎาคม 2564-5 สิงหาคม 2564 โดยมี การดำเนินงานสำคัญที่ผ่านมา คือ การส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนาในพื้นที่7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2564 โดยเริ่มจากสถานีรถไฟรังสิตไปยังปลายทางที่ จังหวัดอุบลราชธานี โดยใช้ขบวนรถไฟ CNR ขบวนพิเศษขบวนใหม่ของ รฟท. ซึ่งเป็นรถนั่งและนอนปรับอากาศ ห้องน้ำระบบปิดมีระบบปรับอากาศเหมือนกับบนเครื่องบิน
นอกจากนี้ ยังได้มีการนำรถบัสโดยสารของ บขส. ในการรับส่งผู้ป่วยจากกรมการขนส่งทหารบก (บางเขน) ไปยังจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อวันที่ 2 และ 4 ส.ค. 2564 โดยได้ปรับปรุงรถโดยสาร และกั้นห้องโดยสารระหว่างพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และห้องโดยสาร การปรับระบบปรับอากาศบนรถ นำพลาสติกมาหุ้มบริเวณเบาะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างการเดินทาง
รวมทั้งกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ดำเนินการรับผู้ป่วยจากจังหวัดนนทบุรี ไปส่งที่ศูนย์ขนส่งทหารบก บางเขน เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2564 และได้มีการสนธิกำลังกับหน่วยงานในระดับจังหวัดเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางของผู้ป่วยให้สามารถกลับไปยังภูมิลำเนาได้อย่างสะดวก และปลอดภัย
ทั้งนี้ ภาพรวมของการรับ – ส่งผู้ป่วยกลับไปยังพื้นที่ภูมิลำเนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 7 จังหวัด มียอดสะสม ณ วันที่ 5 ส.ค. 2564 รวมทั้งสิ้น 2,824 ราย โดยมีผลการดำเนินการรายจังหวัด ดังนี้
จ.นครราชสีมา จำนวน 404 คน จ.บุรีรัมย์ จำนวน 458 คน จ.สุรินทร์ จำนวน 395 คน. จ.ศรีสะเกษ จำนวน 211 คน จ.อุบลราชธานี จำนวน 778 คน จ.ยโสธร จำนวน 550 คน จ.อำนาจเจริญ จำนวน 28 คน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันหารือแนวทางการบูรณาการระหว่างหน่วยงานคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) และหน่วยงานสาธารณสุข (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ) เพื่อรับผู้ป่วยออกจากต้นทาง (บ้านผู้ป่วย) ไปยังศูนย์การขนส่งผู้ป่วย (สถานีรถไฟรังสิต/จุดจอดรถบัสโดยสาร บขส. หรือ ศูนย์การขนส่งทหารบก บางเขน) เพื่อเตรียมจำนวนรถและบริหารจัดการให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ที่จะเดินทางโดยรถไฟหรือรถบัสโดยสารแต่ละเที่ยว ในรูปแบบของ Feeder ก่อนที่ส่งผู้ป่วยขึ้นรถบัสโดยสารหรือรถไฟไปยังจังหวัดปลายทางต่อไป
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ได้สั่งการให้กำหนดยานพาหนะที่เหมาะสมกับปริมาณผู้ป่วยที่จะเดินทาง โดยให้ บขส. จัดเตรียมรถบัสโดยสาร และ ขบ. ดำเนินการช่วย สพฉ. ในการจัดหารถสองแถว หรือรถสามล้อที่มีการปรับแต่งซีลกั้นตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยให้ดำเนินการวางแผนร่วมกันระหว่างจังหวัด และ สพฉ.
สำหรับงบประมาณในการลำเลียงผู้ป่วยข้างต้น ให้ดำเนินการตามแนวทาง หลักเกณฑ์การใช้งบประมาณของ สพฉ. รวมทั้งให้กรมการขนส่งทางบกพิจารณาการหาแหล่งงบประมาณหรือกองทุนมาใช้ดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย
นอกจากนี้ต้องมีการรวบรวมตัวเลขผู้ป่วยเดินทางสะสม ขอให้จังหวัดจัดส่งข้อมูลให้ สปสช. เพื่อรวบรวมให้เป็นฐานข้อมูลของผู้ป่วยในภาพรวมทั้งหมดในแต่ละจังหวัด
และให้ สพฉ. และกระทรวงคมนาคม บูรณาการในการกำหนดจุดรับ-ส่ง ผู้ป่วยให้มีความชัดเจน และหลีกเลี่ยงการรับส่งในที่ที่มีประชาชนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างการเดินทาง
สำหรับจังหวัดนั้นจะต้องสรุปจำนวนเตียงว่างของโรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอยของ แต่ละจังหวัดเข้ามาใน Group Line เพื่อให้ สพฉ. ใช้ประกอบการวางแผนการจัดส่งผู้ป่วยกลับภุมิลำเนา
โดยในการดำเนินการจัดส่งผู้ป่วยกลับไปยังภูมิลำเนา ขอให้ใช้แนวทางการอำนวยความสะดวกการเดินทางของผู้ป่วยที่ดำเนินการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 7 จังหวัดที่ผ่านมา เพื่อนำไปใช้กับทุกจังหวัดทั่วประเทศต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งเดินหน้าพาผู้ป่วยโควิด-19 กลับบ้านเกิด 7 จังหวัดอีสานใต้ ตามภารกิจที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่และใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ว่าจะสามารถเดินทางกลับไปยังจังหวัดภูมิลำเนา เพื่อเข้ารับการรักษาทางการแพทย์อย่างทันท่วงที และนำความปลอดภัยมาสู่ประชาชน ที่ได้รับเชื้อจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19