xs
xsm
sm
md
lg

“บอสบาวแดง” ปูพรม “ร้านถูกดี” ดึงโชวห่วยร่วมสู้ยักษ์สะดวกซื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - บิ๊กบอสบาวแดงแตกธุรกิจ ผุดไอเดีย ร้านถูกดี มีมาตรฐาน หวังยกระดับและพลิกร้านโชวห่วยดั้งเดิมให้อยู่รอดและเติบโต ชูระบบพันธมิตรไม่ใช่แฟรนไชส์ ลุยเปิดแล้ว 1,000 สาขา คาดสิ้นปี 64 นี้มี 8,000 ร้านค้า ตั้งเป้าปีหน้าทะลุ 30,000 ร้านค้า พร้อมเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทผุดคลังสินค้า

นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีก “ถูกดี มีมาตรฐาน” เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีร้านค้าประเภทดั้งเดิมหรือที่เรียกว่าร้านโชวห่วยทั่วประเทศรวมกันไม่ต่ำกว่า 400,000 ร้านค้า แต่ปัจจุบันพบว่าร้านค้าเหล่านี้เริ่มล้มหายตายจากไปจำนวนมาก ด้วยสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่ไม่มีใครรับช่วงกิจการต่อ ภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขัน

รวมถึงปัญหาหลักจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและตลาดค้าปลีกที่มีร้านค้าสมัยใหม่ประเภทคอนวีเนียนสโตร์หรือโมเดิร์นเทรดเข้ามาเปิดบริการจำนวนมาก ส่งผลต่อร้านโชวห่วยที่ไม่ได้มีการพัฒนา หรือปรับตัว ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และไม่ได้ยกระดับขึ้นมาต่อสู้ได้ รวมทั้งไม่มีเงินทุนมากเพียงพอในการประคองธุรกิจได้รับผลกระทบจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง


“เรามองเห็นปัญหาพวกนี้ที่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญ คือ เงินทุนน้อย, สินค้ามีน้อย, ไม่มีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ, ขาดเทคโนโลยี, ไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขาย และไม่มีการสร้างแบรนด์ จึงต้องการที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขปิดจุดอ่อนต่างๆ ให้กับโชวห่วยเหล่านี้เพื่อให้อยู่รอดจากการรุกตลาดของโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ได้ จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งโครงการร้านถูกดีมีมาตรฐานขึ้นมา เพื่อยกระดับโชวห่วยให้มีการพัฒนามากขึ้น ซึ่งโชวห่วยยังมีความเป็นเจ้าของเหมือนเดิม เพราะเราไม่ใช่ทำแฟรนไชส์ ป้ายร้านยังมีชื่อเดิมของพันธมิตรอยู่ เพียงแค่มีชื่อถูกดีอยู่ข้างหน้าเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ” นายเสถียรกล่าว

โมเดลดังกล่าวโดยเน้นไปที่ร้านโชวห่วยทั่วไปที่ต้องการเข้าร่วมกับเรา โดยที่เจ้าของร้านเดิมลงทุนปรับปรุงสถานที่ประมาณ 1-2 แสนบาท ส่วนทางบริษัทฯ จะจัดการทุกอย่างให้ เช่น สินค้าที่ไปลงร้าน การจัดระบบ การทำโปรโมชันต่างๆ แต่ทางพันธมิตรจะต้องวางเงินมัดจำจำนวน 2 แสนบาทเพื่อเป็นหลักประกัน แต่เมื่อเลิกการทำธุรกิจร่วมกันก็จะได้รับเงินคืน ไม่มีการเสียค่าแฟรนไชส์ ค่าการตลาดแต่อย่างใด โดยบริษัทฯ ติดต่อทางแบงก์กสิกรไทยไว้ให้ในการขอกู้เงิน ทั้งนี้จะมีการแบ่งผลกำไร โดยร้านพันธมิตรเดิมรับ 85% ซึ่งมากกว่าทั่วไป ส่วนบริษัทรับเพียง 15% เท่านั้น

ช่วงปีกว่าที่เริ่มทดลองมาเปิดร้านของบริษัทฯ เองประมาณ 100 แห่ง และโชวห่วยที่เข้าร่วมอีก 30 แห่งจากการลงพื้นที่ และทดลองโมเดลดังกล่าวมากว่า 2 ปี เริ่มจากจังหวัดนครปฐม ขอนแก่น อุดรธานี ขยายไปยังภาคเหนือ และภาคกลาง ร้อยเอ็ด พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ เป็นต้น พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่โชวห่วย จากเดิมที่ขายสินค้าได้ 3-5 พันบาทต่อวัน เพิ่มเป็นมากกว่าหมื่นบาทต่อวัน สามารถช่วยเจ้าของร้านฝ่าวิกฤตต่างๆ สร้างชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถือเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสวนกระแส ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


ปัจจุบันบริษัทฯ เปิดร้านถูกดี มีมาตรฐานได้แล้วประมาณ 1,000 แห่ง และตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2564 นี้จะเปิดได้อีกรวมเป็น 8,000 แห่ง และปีหน้าจะเปิดให้ครบ 30,000 แห่งทั่วประเทศ เน้นระดับตำบล อำเภอ และปี 2566 จะมีร้านรวม 50,000 แห่ง โดยคาดว่าจะมีลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ย 160-200 คนต่อวันต่อสาขา แต่ละสาขารองรับพื้นที่ประมาณ 300-500 หลังคาเรือน

ส่วนแผนการดำเนินงาน จะต้องเปิดสำนักงานในท้องถิ่นจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ นครสวรรค์ นครราชสีมา เป็นต้น กระจายประมาณ 30 แห่งในไตรมาสที่สาม และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีสำนักงานสาขาท้องถิ่นรวม 62 แห่ง ซึ่งขณะนี้มีร้านถูกดีมีมาตรฐานกระจายอยู่ใน 58 จังหวัดรวม 1,000 กว่าสาขา คาดว่าในปี 2564 นี้จะต้องสร้างคลังสินค้ารวม 8 แห่งที่กระจายต่างจังหวัด ส่วนปีหน้าคาดว่าจะสร้างเพิ่มอีก 15 แห่ง คาดว่าใช้งบรวมประมาณ 45,000 ล้านบาท

“ตอนนี้อย่าไปพูดเรื่องรายได้หรือกำไรหรืออะไรเลย ปีนี้เราคิดว่ายังคงต้องขาดทุนอีกประมาณ 1,500 ล้านบาทเพราะเราต้องลงทุนอีกมาก แค่เรื่องแวร์เฮาส์ก็มากแล้ว แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานก็จะทำให้ธุรกิจดีขึ้นมา ซึ่งการระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ส่งผลกระทบต่อการหาพาร์ตเนอร์ร้านโชวห่วยที่จะมาเข้าร่วมโครงการ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของร้านโชวห่วยที่เข้าร่วมโครงการแล้ว”


ขณะที่ในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาร้านถูกดีไปต่อเนื่อง นอกจากการเป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าแล้ว ในอนาคตจะมีการขยายการบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งขณะนี้เป็นเพียงร้านโชวห่วยสมัยใหม่ แต่ต่อไปจะเป็นพอยต์ออฟเซล (Point of Sale) และต่อไปจะกลายเป็นพอยต์ออกฟเอเวอรีทิง (Point of Everything)

ทั้งนี้ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ผู้ดำเนินโครงการ ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีผู้ถือหุ้นหลักส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นเดิมในคาราบาวตะวันแดง แต่นายเสถียรยืนยันว่าทั้งธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง และธุรกิจร้านซีเจ เอ็กซ์เพรส ที่เป็นเครือของคาราบาวแดงไม่ได้มีความเกี่ยวกัน ร้านถูกดีมีมาตรฐานแยกบริษัทและทีมงานต่างหาก เนื่องจากร้านซีเจก็มีทิศทางธุรกิจอีกแบบหนึ่งในการสร้างคอมมูนิตีมอลล์เล็กๆ ในชุมชน แต่ร้านถูกดีต้องการช่วยร้านโชวห่วยให้อยู่รอดเป็นหลัก












กำลังโหลดความคิดเห็น