ผู้จัดการรายวัน360- “MOTIF” เผยกำไรสุดปัง Q1-Q2 ปี ’64 ทะลุเป้า ดันยอดขายทะลุเป้าที่ตั้งไว้ เติบโตขึ้นกว่า 30% ด้วยกลยุทธ์ขายผ่านโซเชียลมีเดียปรับตัวในยุคโควิด-19 พร้อมเดินหน้าดันยอดขายครึ่งปีหลังโตต่อเนื่องเสริมทัพด้วยเฟอร์นิเจอร์ Home Accessories ‘Fashion for Home’
“นายอัครรัฐ วรรณรัตน์” กรรมการผู้จัดการ แบรนด์ MOTIF เปิดเผยว่าถึง ไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2564 ผลกำไรเติบโตขึ้น โดยยอดขายทะลุเป้า และเติบโตขึ้น 30% จากปีที่แล้ว เป็นผลงานจากการวางกลยุทธ์การขายรอบด้าน ทั้งการโฟกัสออนไลน์ แต่ไม่ลืมสร้างความหลากหลายไม่มีเบื่อให้กับประสบการณ์หน้าร้านออฟไลน์ รวมถึงการคัดเลือกสินค้าใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าเสมอ พร้อมตั้งเป้าดันยอดครึ่งปีหลัง 2564 เติบโตต่อเนื่อง
“การเติบโตของ MOTIF มีอย่างต่อเนื่อง ในปี 2562 ต่อเนื่อง 2563 ภาพรวมโตขึ้น 10-15% เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเป็นปีที่เริ่มมีสถานการณ์โควิด-19 เลยทำให้เหมือนเวลาหายไป 2 เดือน แต่ก็ถือว่ายังโตอยู่ในโหมดที่เราโอเค”
สำหรับในปี 2564 เรายังคงตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 30% แต่ Q1 – Q2 ผลกำไรของปีนี้ได้กำไรดีเกินคาด ยอดขายทะลุเป้าไปแล้ว มากที่สุดตั้งแต่เปิดแบรนด์มา เป็น 6 เดือนที่ยอดขายเราดีมากที่สุด ปัจจัยในการประสบความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นจากแบรนด์ของเรามีการพัฒนาเรื่อยๆ หลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องจากการจัดการระยะเวลาสั่งสินค้า เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ระยะเวลาของกระบวนการผลิตจึงนานกว่าเดิม แต่เราสามารถจัดการมันได้ดีมาก ทำให้เรามีปัญหาเรื่องนี้น้อยลง
นายอัครรัฐ อธิบายต่อว่า ความสำเร็จครึ่งปีแรกของ MOTIF เกิดจากหลายปัจจัย เรื่องแรก Stock Management เริ่มจากการสต็อกของที่ลูกค้าต้องการในจำนวนที่เหมาะสม อย่างในช่วงโควิด-19 แม้ว่าระยะเวลาการผลิตสินค้าจะนานขึ้นจาก 3 เดือน เป็น 6-8 เดือน เพราะสินค้าประเภทลักชัวรี่มีกระบวนการในการผลิต แต่ทางแบรนด์สำรวจความต้องการลูกค้าอยู่ตลอด
นอกจากนี้ ช่วงโรคระบาดทำให้ทาง MOTIF มองหาโอกาสใหม่ผ่านสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และตอบโจทย์กระแสการ Work from Home โดยเฉพาะ ทั้งสินค้า ‘Fashion for Home’ ไม่ว่าจะ Paul Smith for Anglepoise Lamp, Fendi Casa, Versace Home และ Missoni Home ซึ่งเป็นสินค้าแนว home accessory ที่ทำรายได้ได้สูงให้กับ MOTIF ในปีที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้จะยังโฟกัส home accessory ที่เป็นของตกแต่งชิ้นเล็กและเฟอร์นิเจอร์มากยิ่งขึ้น
รวมไปถึง ‘Dutch Design’ ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 64 เฟอร์นิเจอร์สไตล์เนเธอร์แลนด์ที่เน้นความเรียบง่าย เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องใช้ชีวิตที่บ้านเป็นหลัก และ ‘Rug Collections’ พรมไฮเอนด์จากอิตาลี
“5 ปีที่ผ่านมา ‘Dutch Design’ เป็นงานดีไซน์ที่โตมากและราคาไม่ได้ถูกไปกว่าของอิตาลีเลย เราก็เลยเปิดตลาดกับเขาด้วย 5 แบรนด์ดังฉบับ Ducth Design ซึ่งเราได้ติดต่อไว้ในช่วงโควิด-19 ปีที่แล้ว โดยหลังจากที่เราเปิดตัวไปในเดือนมีนาคมปีนี้ กระแสการตอบรับจากลูกค้าถือว่าดีมาก” นายอัครรัฐ กล่าว
ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์โฮมออฟฟิศก็ยังคงเดินหน้าตอบโจทย์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีการขยายไลน์คอลเลคชั่นให้มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์ WFH ยังคงมาแรงมากในปี 2021 นี้และมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า
กลยุทธ์การขายช่วงโควิด-19 เน้นขายผ่าน Omni-Channel (การทำการตลาดที่รวมทุกช่องทางการติดต่อให้เป็นหนึ่งเดียว) และเน้นที่ช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ Line@ และ Instagram โดยครึ่งหลังของปี 2564 ก็ยังจะโฟกัสที่ช่องทางนี้อยู่ และมีการดึงตัวผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์มาเสริมทัพ
“ยอดขาย Omni เราเติบโตไปได้สวย โดยเฉพาะช่องทาง Instagram และ Line@ ซึ่งช่องทาง Line@ เป็นช่องทางที่เวลาเราขายสินค้า เราถ่ายภาพจากสินค้าจริง มีทีมพนักงานซัพพอร์ตตลอดหากลูกค้าอยากได้รูปหรือวิดีโอเพิ่มเติม เราสร้างประสบการณ์ทำให้ลูกค้าเหมือนรู้สึกว่าได้สัมผัสสินค้าจริง มาเลือกซื้อเอง มากที่สุด เราเคยคิดว่าการปิดดีล Omni เป็นสิ่งที่ยาก แต่ตอนนี้เราพิสูจน์แล้วว่าเราทำได้ และเราก็ยังมีการบริการ ‘First Class Service’ ที่ต่อยอดจากรูปแบบ Omni-Channel คือการนำของไปให้ลูกค้าดูที่บ้าน อยากดูอะไร ยกไปให้ดูที่บ้านได้เลย ”
สำหรับสินค้าที่ยอดขายเติบโตสูงสุดในปีนี้ อัครรัฐ กล่าวว่าเป็นสินค้า ‘home accessory’ ซึ่งโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด โดยครึ่งปีแรกของปี ‘64 ขายสินค้าประเภทนี้ ไปแล้วกว่า 70% ของสต็อกสินค้าทั้งหมด “เราจึงตัดสินใจเปิดตัวสินค้า home accessory ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก
นอกเหนือจากแบรนด์ ‘Fashion for Home’ อาทิ Paul Smith for Anglepoise, Missoni Home, Versace Home ที่ MOTIF ได้นำเข้ามาวางขายเปิดตลาดไปแล้ว ในช่วง Q 3 – Q 4 ของปี 64 นี้ จะมีการนำเข้าแบรนด์ที่เป็น ‘Fashion for Home’ ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม
ปีนี้ MOTIF ยังต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์การรับรู้ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดย Window Display หน้าร้านมีการเปลี่ยนธีมอยู่เรื่อยๆ ช่วยบันดาลใจให้ลูกค้าสนุกกับไอเดียการแต่งบ้านแบบไม่มีเบื่อ พร้อมจัดหมวดหมู่สินค้าให้เลือกง่ายขึ้น เ
ขณะเดียวกัน MOTIF จะมีการนำขบวนสินค้าไปเปิดเป็น Pop-Up Store ทั้งในส่วนของพื้นที่ของห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่เอง และห้างลักชัวรี่ชั้นนำอื่นๆ เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงและเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้มากขึ้น