ผู้จัดการรายวัน 360 - วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ “ยำยำ” ปรับกลยุทธ์รับตลาดเปลี่ยน โควิดระบาด ฟูดดีลิเวอรีแย่งตลาด ขยายฐานผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ “อยากทานยำยำอีกครั้ง”
ในโอกาสครบรอบ 50 ปี นายยูจิ มิซุตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ประกาศวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักของกลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจไปสู่โลกแห่งการเปลี่ยนแปลงในอนาคต “เรามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทที่มุ่งมั่นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนและสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนทั่วโลก และมีพันธกิจที่จะส่งมอบมื้ออาหารพร้อมรับประทานที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และมีคุณค่าทางโภชนาการที่เพิ่มขึ้น ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อสร้างประสบการณ์ “อยากทานยำยำอีกครั้ง”
ที่ผ่านมา เรามีการปรับปรุงรสชาติและรูปโฉมบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ ยำยำ ทั้งแบบซอง และถ้วย เพื่อให้ถูกใจผู้บริโภคและกระตุ้นยอดขายอยู่ตลอดเวลา เราได้มีการ “รีเฟรชแบรนด์” ครั้งใหญ่ในรอบทศวรรษ ในปี 2557 โดยปรับโลโก้และแพกเกจใหม่ที่ใหญ่ขึ้น พร้อมชูคอนเซ็ปต์ ส่งความสุขที่มาจากความอร่อย โดยเพิ่มรอยยิ้มเข้าไปในโลโก้ เพื่อสื่อถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ ยำยำ ในการส่งความสุขจากความอร่อยสู่ผู้บริโภค และในปี พ.ศ. 2562 ได้มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนต์อีกครั้ง เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นชัดเจน มีการปรับโลโก้เพิ่มรูปทรงกลมซึ่งสื่อถึงความมุ่งมั่นท้าทายของยำยำเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด และความอร่อย นอกจากจะเปลี่ยนโฉมด้านรูปลักษณ์และรสชาติแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เรานำมาสร้างกระแส คือการดึงศิลปิน-นักแสดงที่เป็นที่รู้จักมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เช่น ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก, เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ และศิลปินวงทรี แมน ดาวน์ เป็นต้น
“ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ปรับตัวไปตามเหตุปัจจัยต่างๆ ตลอดเวลา ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม ผู้คนต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ นอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นหนึ่งในอาหารคู่บ้าน คู่ครัวแล้ว ยังหันไปพึ่งพาความหลากหลายในการเลือกบริโภคและการให้บริการที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เช่น บริการส่งอาหาร (Food Delivery) แค่เปิดสมาร์ทโฟน เราก็สามารถสั่งอาหารร้านโปรดผ่านแอปพลิเคชัน ให้ส่งตรงมาถึงหน้าประตูบ้าน หรือที่ทำงานได้ภายในเวลาไม่กี่นาที รวมไปถึงบริโภคอาหารที่วางขายอยู่ใน “ร้านสะดวกซื้อ” ไม่ว่าจะเป็น อาหารแช่แข็ง (Frozen Food) อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นบริษัทฯ ต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอยู่ตลอดเวลาเพื่อรับมือกับภาวะการแข่งขันสูงในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อรักษาฐานลูกค้า และสร้างการเติบโตของธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เช่น การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.ajinomoto.com แพลตฟอร์ม อี-คอมเมิร์ซ ช้อปปี้ (Shopee), ลาซาด้า (Lazada) แอปพลิเคชันไลน์ @iloveyumyum และเพจเฟซบุ๊ก I Love Yum Yum” นายยูจิ มิซุตะ กล่าว
นายยูจิ มิซุตะ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “จากการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 จนถึงปัจจุบัน เรายังเชื่อมั่นว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีท่ามกลางวิกฤต เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบ จึงมีความต้องการสินค้าราคาประหยัดเพื่อใช้ในการบริโภค จากแนวโน้มดังกล่าว ด้านการผลิต บริษัทฯ ยังคงเตรียมความพร้อมและเร่งกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งตลาดภายในและตลาดต่างประเทศที่ยังคงมีการเฝ้าระวัง ประชาชนยังต้องอยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อ ธุรกิจขายอาหารยังเปิดให้บริการได้ไม่เต็มที่ ผู้คนต้องซื้ออาหารแห้งมาตุนไว้ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น”
นอกเหนือจากการทำธุรกิจ บริษัทฯ ยังมีโครงการแบ่งปันและช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤต นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับโควิด-19 มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ “ยำยำ ส่งยิ้ม” ที่เชิญชวนพนักงานและประชาชนโพสต์รูปรอยยิ้มส่งต่อกำลังใจ และความอิ่มอร่อยให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ซึ่งทุก 1 รอยยิ้มที่ร่วมกิจกรรมจะมีมูลค่า 20 บาท ทางบริษัทฯ ได้มอบเงินจากกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ยำยำ มูลค่ารวม 2 แสนบาท ให้แก่มูลนิธิกระจกเงา และมูลนิธิสวนแก้ว และในปีนี้ วันเกิดบริษัทครบรอบ 50 ปี เราได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ “ยำยำ” สูตรเด็ดรสทะเลผัดฉ่า รวมถึงผลิตภัณฑ์ยำยำจัมโบ้ และยำยำคัพให้แก่องค์กร มูลนิธิเพื่อการกุศล โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่มารอรับบริการตามจุดฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ตั้งแต่ 7 มิถุนายน และจะยังคงเดินหน้าส่งมอบกำลังใจและความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
ในส่วนของบุคลากร บริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัย ตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ออกมาตรการการตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น ผ่านการคัดกรองบุคลากรภายใน และภายนอกที่จะเข้ามาในสถานที่ประกอบการของบริษัทฯ ด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ สอบถามประวัติความเสี่ยง และตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัย พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ฆ่าเชื้อตามจุดต่างๆ รวมถึงการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคทุกวัน อีกทั้งบริษัทฯ ได้รณรงค์ให้บุคลากรภายในรับทราบข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 แบบรายวัน มีนโยบายให้บุคลากรปฏิบัติงานที่บ้าน (Work from Home) ส่งเสริมให้พนักงานได้รับการฉีดวัคซีนตามแผนมาตรการการป้องกันของภาครัฐ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงทั้งหมด เป็นขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ปัจจุบัน “ยำยำ” มีผลิตภัณฑ์ 4 รูปแบบที่วางจำหน่าย คือ “ยำยำ สูตรเด็ด” ซึ่งเจาะกลุ่มพรีเมียมแมส (Premium Mass), รูปแบบซอง หรือ “ยำยำ จัมโบ้”, รูปแบบถ้วยหรือ “ยำยำ คัพ” และ “ยำยำ ช้างน้อย” ซึ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับเด็กตัวแรกของไทย โดยมีสัดส่วนการวางจำหน่ายในประเทศ 75% และต่างประเทศ 25% โดยตลาดในประเทศ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองมีสัดส่วนยอดขาย 82% แบบถ้วย 5% และยำยำช้างน้อย 13%