ไทยเวียตเจ็ทเปิดแผนกลยุทธ์ครึ่งหลังปี 64 ขยายฝูงบินเพิ่ม 7 ลำ ลุ้นเปิดประเทศ เตรียมเพิ่มบินระหว่างประเทศเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าทั้งปีผู้โดยสารแตะ 5 ล้านคน สวนกระแสรับพนักงานเพิ่ม เร่งปรับปรุงบริการทุกขั้นตอน ไต่อันดับโลว์คอสต์แถวหน้าของไทย
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยถึงแผนดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ว่า จะมีการขยายฝูงบินจากปัจจุบันที่มี 15 ลำ เพิ่มอีก 7 ลำ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจรับ 1 ลำแล้ว คาดว่าจะเข้าประจำฝูงบินให้บริการได้ในเดือน ก.ค. ซึ่งจะทำให้ ไทยเวียตเจ็ทฯ สามารถปรับเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินเส้นทางภายในประเทศ และเตรียมพร้อมรองรับความต้องการในการเดินทางที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ ส่วนอีก 6 ลำที่เหลือมีแผนจัดหาในปีนี้ โดยจะประเมินสถานการณ์การเปิดบินที่เพิ่มขึ้นประกอบ
ทั้งนี้ ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ไทยเวียตเจ็ทฯ เน้นเส้นทางบินระหว่างประเทศมากกว่าเส้นทางภายในประเทศ โดยมีสัดส่วนผู้โดยสารยุโรป 30% ผู้โดยสารจีน 30% คนไทย 30% และมีสัดส่วนรายได้จากเส้นทางระหว่างประเทศ 80% ภายในประเทศ 20% โดยมีจุดบินภายในประเทศจากสุวรรณภูมิเพียง 4 จุด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ แต่หลังเกิดโควิดมีการปิดประเทศ จึงได้ทำการบินภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงปรับปรุงบริการต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการ และรูปแบบการเดินทางของคนไทยมากขึ้น โดยปัจจุบันไทยเวียตเจ็ทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดในเส้นทางที่ให้บริการในอันดับที่ 1 โดยมีปริมาณที่นั่งมากกว่าอันดับที่ 2 ประมาณ 5%
ตลอดช่วงการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่รอบแรกในช่วงปี 2019 สายการบินไทยเวียตเจ็ทไม่เคยหยุดบินเลยแม้แต่วันเดียว เรายังได้มีการขยายเส้นทางบินใหม่ภายในประเทศถึง 6 เส้นทางในปี 2019 ด้วย ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตของสายการบินท่ามกลางวิกฤต โดยที่ผ่านมาเรามีการปรับลดและเพิ่มเที่ยวบินตามความเหมาะสมของสถานการณ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสาร และมาตรการของแต่ละจังหวัด ซึ่ง ณ ตอนนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจำนวนของประชากรที่ได้รับวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นและครอบคลุมขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้โดยสารเริ่มกลับมาเดินทางกันมากขึ้นอีกครั้ง
“ที่ผ่านมาสายการบินไทยเวียตเจ็ทไม่เคยมีการลดจำนวนพนักงานเลย ในทางกลับกันจำนวนพนักงานของเรานั้นเพิ่มขึ้นถึง 20-25% โดยในปี 2019 เรามีพนักงานประมาณ 650 คน และตอนนี้เรามีพนักงานกว่า 800 คน และยังมีแนวโน้มรับพนักงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย ในขณะนี้เราก็กำลังเปิดรับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรุ่นที่ 17 อยู่ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ถึงวันที่ 8 กรกฎาคมนี้เพื่อรองรับแผนการขยายฝูงบินของเรา ซึ่งกำลังจะรับเครื่องบินใหม่เข้ามาเพิ่มถึง 7 ลำภายในปี 2564 นี้”
นายวรเนติกล่าวว่า ในปี 2563 ไทยเวียตเจ็ทฯ มีผู้โดยสารรวมประมาณ 3 ล้านคน ส่วนปี 2564 ถึงเดือน มิ.ย. มีผู้โดยสารเกือบ 2 ล้านคนแล้ว และคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์การเดินทางจะเพิ่มขึ้น และตั้งเป้าผู้โดยสารรวมปี 2564 ประมาณ 5 ล้านคน ขณะที่ปี 2565 ยังไม่สามารถคาดหมายได้เพราะขึ้นกับหลายปัจจัย ทั้งการเปิดประเทศ ฝูงบินเข้ามาตามแผนหรือไม่ เนื่องจากรายได้หลักของเรามาจากเส้นทางบินระหว่างประเทศประมาณ 80% ขณะที่ตั้งเป้าหมายการขยายธุรกิจต่อเนื่องทุกๆ ปี ปีละ 40-50% โดยในอนาคตจะเพิ่มฝูงบินเป็น 30-40 ลำ
สำหรับกรณีที่สมาคมสายการบินประเทศไทย โดยสายการบิน 7 สาย ได้ยื่นขอให้รัฐบาลช่วยเหลือมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ให้นั้น จากสถานการณ์โควิดสายการบินได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งไทยเวียตเจ็ทฯ ต้องการซอฟต์โลนประมาณ 700 ล้านบาทมาใช้บริหารช่วงครึ่งปีหลังในเรื่องการจ้างงานเป็นหลัก ซึ่งมีพนักงานคนไทยถึง 98% จากที่ก่อนหน้าที่ที่รัฐมองว่าการช่วยเหลือสายการบินอาจจะทำให้ผู้ถือหุ้นต่างชาติได้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสถานการณ์โควิดที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีผลกระทบด้านจิตวิทยา มีการชะลอเดินทาง โดยอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย (Load Factor) ปรับลดลงมาอยู่ที่ 72% จากก่อนหน้าที่มี Load Factor เฉลี่ยที่ 78% ซึ่งที่ผ่านมาการเดินทางส่วนใหญ่เพราะความจำเป็น ไม่ใช่การท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อว่าหลังจากมีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้เกิดความมั่นใจและมีการเดินทางเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ทางสายการบินยังได้ออกแคมเปญเพื่อสนับสนุนให้ผู้โดยสารที่ได้รับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ช่วยลดความเสี่ยง และแบ่งเบาหน้าที่บุคลากรการแพทย์ โดยเรามอบสิทธิพิเศษให้ผู้โดยสารที่ได้รับวัคซีนโควิดครบ 2 เข็มแล้วสามารถเลือกที่นั่งได้ฟรี ยิ่งไปกว่านั้น เรามุ่งมั่นให้บริการด้วยความปลอดภัยสูงสุด มีมาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออากาศยานอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ความมั่นใจต่อสุขภาพและความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสาร
นอกจากนี้ ยังได้ปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประสบการณ์การเดินทางของลูกค้า โดยได้เปิดตัวระบบตอบกลับอัตโนมัติภายใต้ชื่อ “เอมี่” ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถโต้ตอบสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางการติดต่อต่างๆ ของสายการบินฯ ได้แก่ บัญชีไลน์อย่างเป็นทางการ (LINE Official) เฟซบุ๊ก และเว็บไซต์สกายฟัน ในอนาคตสายการบินฯ คาดว่าจะสามารถพัฒนาและบูรณาการระบบดังกล่าวให้มีความสามารถที่หลากหลายและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน “เอมี่” สามารถสื่อสารกับผู้โดยสารและตอบคำถามพื้นฐาน รวมทั้งเชื่อมต่อกับระบบตอบกลับอัตโนมัติของสายการบิน
เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในช่วงการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 สายการบินยังได้เปิดให้บริการระบบการจัดการการจองด้วยตนเองบนเว็บไซต์สกายฟันเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถจัดการการจองด้วยตนเองได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งยังได้ประกาศนโยบายช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ยังได้ขยายศูนย์บริการลูกค้า พร้อมเพิ่มช่องทางการติดต่อเพื่อให้บริการผู้โดยสารได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ
เดินหน้าเปิดตัวแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและระบบสมาชิก มอบประสบการณ์พิเศษเหนือระดับ
สายการบินไทยเวียตเจ็ทไม่เพียงมุ่งมอบประสบการณ์ที่พิเศษแต่เพียงบนเที่ยวบินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความประทับใจในทุกจุดบริการตั้งแต่การจองบัตรโดยสารกระทั่งสิ้นสุดการเดินทาง โดยวางแผนให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซภายใต้ชื่อ “สกายชอป (Sky Shop)” เร็วๆ นี้
ในช่วงแรก สกายชอปจะเปิดจำหน่ายสินค้าและบริการจากสายการบินฯ เองและคู่ค้า เช่น สินค้าที่ระลึกบนเที่ยวบิน บัตรกำนัลเข้าพักโรงแรม ประกันภัยการเดินทาง ประกันวินาศภัย แพกเกจตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และบริการการเดินทางอื่นๆ ในราคาพิเศษ ในอนาคตสายการบินฯ คาดว่าจะพัฒนาสกายชอปให้เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและท่องเที่ยว กระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เป็นที่รู้จักและใช้งานอย่างแพร่หลายโดยทั่วไป
สายการบินไทยเวียตเจ็ทให้ความสำคัญต่อประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ สายการบินฯ เชื่อมั่นว่าแพลตฟอร์มสกายชอปจะช่วยเติมเต็มห่วงโซ่ประสบการณ์ของลูกค้าให้สมบูรณ์ด้วยแนวคิดยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่การวางแผนการเดินทาง กระทั่งสิ้นสุดการเดินทาง รวมไปถึงหลังจากการเดินทางสิ้นสุดลงแล้ว
ด้วยแนวคิดเช่นนี้ สายการบินฯ จึงเดินหน้าพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าให้พิเศษยิ่งขึ้น ด้วยระบบสมาชิกอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ “สกายฟัน ลอยัลตี (SkyFUN Loyalty)”
“สกายฟัน ลอยัลตี” คือระบบสมาชิกอย่างเป็นทางการของสายการบินฯ ผู้โดยสารที่เป็นสมาชิกสกายฟันจะได้รับสิทธิประโยชน์และข้อเสนอพิเศษมากมายจากสายการบินและคู่ค้าในทุกๆ จุดหมายปลายทางที่เดินทางไปถึง โดยสามารถสะสมคะแนนเพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ผ่านกิจกรรมต่างๆ ตลอดการเดินทาง เช่น การสำรองบัตรโดยสาร การเช็กอิน และการพูดคุยโต้ตอบกับ “เอมี่” คาดว่าจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการรวมถึงให้บริการอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในครึ่งหลังของปีนี้
ปัจจุบันไทยเวียตเจ็ทฯ มีบริการเที่ยวบินในประเทศไทย 14 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ สู่เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ ภูเก็ต อุดรธานี หาดใหญ่ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี เส้นทางระหว่างเชียงรายสู่ภูเก็ต หาดใหญ่ อุดรธานี เส้นทางระหว่างเชียงใหม่สู่นครศรีธรรมราช และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 17 เส้นทางจากไทยสู่เวียดนาม ไต้หวัน และจีน