SENA ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจโซลาร์ปี 64 โต 10% เร่งขยายฐานจากโครงการบ้านเสนา ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ร้านค้าในสถานีบริการน้ำมัน รับเทรนด์พลังงานสะอาด
นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัท เอท โซลาร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเสนาว่า ในปี 2564 บริษัทจะมุ่งเน้นขยายธุรกิจการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) โดยมีเป้าหมายการเติบโตรายได้เฉลี่ยปีละ 10% ซึ่งปีนี้วางกำลังผลิตติดตั้งรวมไม่ต่ำกว่า 5 เมกะวัตต์ โดยเน้นการติดตั้งที่มีคุณภาพและคัดเลือกโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่อยู่ในเกณฑ์ดี ครอบคลุมทั้งโครงการบ้านของเสนา จำนวน 150 หลังคาเรือน และภาคธุรกิจอื่นๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีก ร้านค้าในสถานีบริการน้ำมัน และโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ และพร้อมสำหรับธุรกิจการให้คำปรึกษาและบำรุงรักษา ทำความสะอาดระบบโซลาร์ในโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าให้สูงสุดในราคาค่าบริการที่คุ้มค่าที่สุดต่อผู้ใช้บริการ
“ตลาดพลังงานแสงอาทิตย์มีการเติบโตต่อเนื่อง จากการที่ผู้อยู่อาศัย และผู้ประกอบการธุรกิจมีเป้าหมายลดต้นทุนค่าพลังงานเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เปิดโครงการโซลาร์ภาคประชาชนที่ปรับเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าส่วนเหลือใช้จากบ้านที่อยู่อาศัยเดิม 1.68 บาทต่อหน่วยเป็น 2.20 บาทต่อหน่วย เพื่อจูงใจและส่งเสริมให้ประชาชนหันมาติดตั้งโซลาร์ฯ ใช้เองมากขึ้น และให้บริการบำรุงรักษาระบบโซลาร์ในราคาย่อมเยา เอทโซลาร์ฯ จึงเห็นโอกาสนี้ที่จะเข้ามาให้บริการเพื่อร่วมขับเคลื่อนพลังงานสะอาด”
นายสุธรรม โอฬารกิจอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอท โซลาร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท เอท โซลาร์ยังได้มีการวางแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศพัฒนาการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเพื่อควบคุมต้นทุนของการติดตั้งทั้งระบบ พร้อมกันนี้ ยังได้เป็นพันธมิตรในการนำอุปกรณ์การแปลงไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ หรือที่เรียกว่าอินเวอร์เตอร์ (Inverters) ของบริษัท FIMER ซึ่งได้เข้าซื้อกิจการอินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง ABB ประเทศอิตาลี มาให้บริการผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาความคุ้มค่าการใช้ไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกบ้านที่ทำงานนอกบ้านในช่วงเวลากลางวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์การใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้อย่างสูงสุด ด้วยการจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน และช่วยรักษาความปลอดภัย มาติดตั้งเพื่อบริการให้ลูกบ้าน โดยจะมีการนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาโซลูชันใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคตต่อไป
ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งโครงการบ้านเสนาฯ และที่อยู่อาศัยต่างๆ ไปแล้วกว่า 400 หลังคาเรือน รวมกำลังผลิตสำหรับที่อยู่อาศัยมากกว่า 1,000 กิโลวัตต์ รวมทั้งติดตั้งในสำนักงาน คลังสินค้า โรงงานขนาดใหญ่ กว่า 50 แห่ง รวมกำลังผลิตกว่า 16,000 กิโลวัตต์ และยังมีโซลาร์ฟาร์มที่เสนาลงทุนอยู่ขนาด 46,500,000 กิโลวัตต์ รวมถึงบริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่จะเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชนอีกประมาณ 237 หลังคาเรือน