สสว.จับมือ ส.อ.ท.ลงนามร่วมพัฒนาระบบ SME Big Data/ Master Data เชื่อมระบบฐานข้อมูลเพื่อให้เอสเอ็มอีใช้เป็นแนวทางในการคาดการณ์ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยหลังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการข้อมูลในระบบ SME Big Data เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ระหว่าง สสว.กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า สสว. ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดทำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ได้ดำเนินการมาสู่ปีที่ 4 ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะต่อยอดระบบฐานข้อมูล SME Big Data พัฒนาระบบบริการด้านข้อมูล หรือ Data service ร่วมกัน เพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจซึ่งข้อมูลมีย้อนหลังถึง 10 ปี ที่ผู้ประกอบการสามารถดูข้อมูล DASHBOARD โดยภายในสัปดาห์หน้าก็จะเป็นข้อมูลที่แสดงถึงพฤษภาคม 2564
“เราได้พัฒนาระบบประเมินสมรรถนะธุรกิจ (Benchmark) ระบบข้อมูลเตือนภัยทางธุรกิจ (Data warning) ข้อมูลพยากรณ์ภาวะอุตสาหกรรม (Data Prediction) โดยเฉพาะข้อมูลจาก DASHBOARD ซึ่ง สสว.ได้ริเริ่มและจัดทำ โดยข้อมูลเหล่านี้จะเป็นข้อมูลที่ทำให้เอสเอสอีสามารถมองไปข้างหน้าได้ โดยการนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์เพื่อให้มองเห็นภาพ และคาดการณ์ต่างๆ สำหรับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งข้อมูลมีย้อนหลังถึง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งข้อมูลใน DASHBOARD จะเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐกัยเอกชนที่ผู้ประกอบการเห็นถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนดำเนินธุรกิจในอนาคตได้” นายวีระพงศ์กล่าว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เอสเอ็มอีถือเป็นฐานรากที่สำคัญของประเทศ โดยมีสัดส่วนมากถึง 99.54% ของวิสาหกิจทั้งประเทศ หรือมีจำนวนมากกว่า 3.13 ล้านราย มีการจ้างงานกว่า 12.71 ล้านคน หรือคิดเป็น 71.69% ของการจ้างงานทั้งหมดของประเทศ ดังนั้น การส่งเสริมให้เอสเอ็มอีเข้มแข็งจึงเป็นกลไกที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
“ปัจจุบันข้อมูล Big data ได้เข้ามามีบทบาทและมีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้หน่วยงานหรือองค์การทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างพยายามที่จะปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ในการบริหารองค์กร โดยการนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า การคาดการณ์แนวโน้มของธุรกิจ ฯลฯ” นายสุพันธุ์กล่าว
ดังนั้น การลงนามความร่วมมือการบูรณาการข้อมูลในระบบ SME Big Data ในวันนี้จึงถือเป็นก้าวที่สำคัญระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการเชื่อมโยงและพัฒนาฐานข้อมูล Big Data ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศในรูปแบบการรวมศูนย์ข้อมูล หรือ Data Centric เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์วางแผนต่อยอดทางธุรกิจ และเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้