xs
xsm
sm
md
lg

กทท.ผ่าน 6 ด.แรกปี64 มีกำไร2.9 พันล้าน ตู้สินค้าผ่านท่าขยายตัว 2.05% แนวโน้มส่งออกฟื้นตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การท่าเรือฯเผยผลดำเนินงานรอบ 6 เดือนปี 2564 ปริมาณตู้สินค้ายังขยายตัวรวม 2.05% มีกำไรสุทธิ 2,964 ล้านบาท แนวโน้มฟื้นตัว หลังหลายประเทศเร่งฉีดวัคซีนโควิด แม้ปริมาณเรือและสินค้าผ่านท่าจะยังมีไม่เท่าปีก่อน

เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในการให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่าเรือจำนวน 5 แห่งที่อยู่ในความรับชอบ ได้แก่ ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) ท่าเรือเชียงของ (ทชข.) และท่าเรือระนอง (ทรน.) ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ประจำปีงบประมาณ 2564 (ตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564) มีทิศทางฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคิดเป็นกำไรสุทธิ 2,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.47% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีเรือเทียบท่าที่ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง รวม 6,562 เที่ยว ลดลง 8.57% สินค้าผ่านท่า 54.208 ล้านตัน ลดลง 0.66% และตู้สินค้าผ่านท่า 4.794 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้นประมาณ2.05%
 
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับปริมาณเรือและสินค้า กับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีดังนี้

- ท่าเรือกรุงเทพ มี เรือเทียบท่า 1,961 เที่ยว ลดลง 0.81% สินค้าผ่านท่า 10.621 ล้านตัน ลดลง 3.65% ตู้สินค้าผ่านท่า 0.720 ล้าน ที.อี.ยู. ลดลง 0.70%

-ท่าเรือแหลมฉบัง มีเรือเทียบท่า 4,601 เที่ยว ลดลง 11.52% สินค้าผ่านท่า 43.588 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.10% ตู้สินค้าผ่านท่า 4.074 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 2.56%

-ท่าเรือเชียงแสน มีเรือเทียบท่า 1,129 เที่ยว ลดลง 36.39% สินค้าผ่านท่า 47,092.68 ตัน ลดลง 61.04% ตู้สินค้า ผ่านท่า 2,585 ที.อี.ยู. ลดลง 52.42%

-ท่าเรือเชียงของ มีเรือเทียบท่า 4 เที่ยว ลดลง 97.24% สินค้าผ่านท่า 24 ตัน ลดลง 99.06%

-ท่าเรือระนอง มีเรือเทียบท่า 2 เที่ยว เพิ่มขึ้น 100% สินค้าผ่านท่า 47,365 ตัน ลดลง 33.00% ตู้สินค้าผ่านท่า 1,661 ตู้ ลดลง 23.88%

อย่างไรก็ตาม จากการขยายตัวของตู้สินค้าผ่านท่าเพิ่มขึ้น 2.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สืบเนื่องจาก การได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลก ประกอบกับหลายประเทศได้แจกจ่ายและฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้กับประชาชนของตน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น รวมทั้งการฟื้นตัวของภาคการผลิตส่งผลให้ความต้องการวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางเพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น