ปตท.ปรับเพิ่มวงเงินลงทุนสำหรับแผนลงทุนในปี 64 จำนวน 14,573 ล้านบาท จากเดิม 52,931 ล้านบาท เป็น 67,504 ล้านบาท เน้นลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมเป็นหลักหลังปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้า
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท.ได้ทบทวนแผนการลงทุนของ ปตท.และบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% และอนุมัติให้ปรับปรุงเงินลงทุนสำหรับปี 2564 จาก 52,931 ล้านบาทเป็น 67,504 ล้านบาท การทบทวนแผนลงทุนข้างต้นส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงการลงทุนของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม สืบเนื่องจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจไฟฟ้าที่ผ่านมาและการปรับแผนลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ขณะที่การลงทุนโครงการอื่นๆ ยังคงดำเนินการตามแผนการลงทุนเดิม เช่น โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 รวมทั้งการลงทุนผ่านบริษัทที่ปตท.ถือหุ้นร้อยละ 100 เช่น การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแอลเอ็นจี แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 รวมถึงโครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร การลงทุนธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science : ธุรกิจยา Nutrition และอุปกรณ์การแพทย์)
นายอรรถพลกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท.ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท สยาม แมนเนจเม้นท์โฮลดิ้ง จำกัด (SMH) (บริษัทย่อยของ ปตท. ซึ่ง ปตท.ถือหุ้น 100%) จัดตั้งบริษัท ปิ่นทอง เนเชอรัลก๊าซ รีเทลล์ จำกัด (PINTHONG NGR) ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัทในกลุ่มของ บมจ. ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 282 ล้านบาท
โดยบริษัท SMH และบริษัทในกลุ่มของ บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค ถือหุ้นในสัดส่วนที่ 70:30 ตามลำดับ ในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติผ่านระบบท่อขนส่งและจำหน่ายก๊าซฯ รวมทั้งให้บริการ Energy Solution Provider กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5 จังหวัดชลบุรี เพื่อสนับสนุนและรองรับการลงทุนของลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้มีการใช้พลังงานได้อย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3/2564 และดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3/2566