GPSCโชว์กำไรไตรมาส1/64อยู่ที่ 1,973.48 ล้านบาทเพิ่มขึ้น25%จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีและการขายหุ้นโกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,973.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 1,579.89 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด รวมถึงเงินปันผลรับจากบริษัท ราชบุรี เพาเวอร์ จำกัด
ขณะที่ผลจากการดำเนินงานในส่วนของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP)ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงไฟฟ้าเก็คโค่วัน และโรงไฟฟ้าโกลว์ไอพีพี ทำให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายลดลง แต่กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก(SPP) มีมาร์จิ้นสูงขึ้น จากการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติและราคาถ่านหิน รวมถึงความต้องการใช้ไอน้ำที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทรับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษีจำนวน 224 ล้านบาทในไตรมาส 1/64 ซึ่งส่วนหลักได้รับจากการบริหารจัดการงานซ่อมบำรุงรักษา การใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน และการบริหารจัดการเถ้าถ่านหิน (Coal ash)
โดยกำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/64 มีมูลค่า 5,339 ล้านบาท ลดลง 26 ล้านบาทหรือ 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า IPP ลดลง 440 ล้านบาท หรือ 30% เพราะโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนจำนวน 37 วัน และโรงไฟฟ้าโกลว์ไอพีพีมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงาน และนอกแผนงานรวม 215 วัน
แต่กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้น 435 ล้านบาท หรือ 11% โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวลดลงทำให้มาร์จิ้นจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณการขายไอน้ำรวมเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าปริมาณการขายไฟฟ้ารวมลดลงเล็กน้อย