การแพร่ระบาดของโควิด-19 นับจนถึงวันนี้ 24 เมษายน 2564 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อจำนวน 2,839 คน ยอดผู้ป่วยสะสมประมาณ 50,000 คนและจะเพิ่มในอัตราสูงสุดเท่าที่เคยปรากฏ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางการแพทย์ได้คาดการณ์ไว้ว่าสัปดาห์หลังสงกรานต์จะมีตัวเลขที่สูงขึ้น
รัฐบาลและ ศบค.พยายามควบคุมสถานการณ์ด้วยการขอความร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อพยายามควบคุมการแพร่ระบาดมิให้แพร่กระจาย เพื่อไม่ให้เกิดภาวะที่ เตียง แพทย์จะไม่สามารถรักษาได้ โดยขอความร่วมมือมายังทุกภาคส่วนแล้วนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศโดยเฉพาะในจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงสุด 18 จังหวัดได้รับการผ่อนปรนให้นั่งรับประทานได้ถึง 21.00 น. และซื้อกลับบ้านได้ถึง 23.00 น. โดยคำนึงถึงห่วงโซ่ธุรกิจที่จะกระทบถึงทั้งภาคแรงงาน พ่อค้าในตลาดค้าปลีก ค้าส่ง และเกษตรกร
ทางสมาคมภัตตาคารไทยเองก็ได้ให้ความร่วมมือทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการถึงความจำเป็นดังกล่าว ซึ่งหากว่าสถานการณ์ดีขึ้น ทางรัฐบาลและ ศบค.จะผ่อนคลายการทำธุรกิจให้กลับคืนสภาพเดิมให้เร็วที่สุด โดยได้พยายามประคับประคองทั้งด้านการสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
ในวันนี้ ด้วยสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ ทำงานที่บ้าน หยุดการเคลื่อนที่ หยุดการสังสรรค์รวมหมู่ให้มากที่สุด รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งนี้เกิดเป็นวงกว้าง กระทบถึงผู้คนในสังคม และความรุนแรงที่จะถึงแก่ชีวิตในเร็ววัน
ดังนั้น เพื่อร่วมมือกันให้สถานการณ์ดีขึ้น สมาคมภัตตาคารไทยใคร่ขอความร่วมมือ หากผู้ประกอบการใด สามารถลดเวลาการนั่งในร้าน หรือทำการ take-home อย่างเดียวได้ โดยภาครัฐไม่ต้องออกมาตรการ เคอร์ฟิว ล็อกดาวน์ (ซึ่งไม่ได้เกิดผลในแง่ของการชดเชยใดๆ จากภาครัฐ)
สมาคมภัตตาคารไทยจะได้ขอนำส่งมาตรการการช่วยเหลือที่ต้องการจากผู้ประกอบการถึงท่านนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1. เพิ่มแหล่งเงิน Soft Loan ที่เข้าถึงได้ง่าย
2. ผ่อนผันชำระต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ (อาจจะพักดอก 6 เดือน พักต้น 1 ปี)
3. ช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งภาษี และค่าสาธารณูปโภค
4. ช่วยจ่ายค่าแรงพนักงาน 50% หรือผ่อนผันค่าใช้จ่ายประกันสังคม 3 เดือน
เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
นางฐนิวรรณ กุลมงคล
นายกสมาคมภัตตาคารไทย