xs
xsm
sm
md
lg

ช่อง 3 เร่งกู้ “เรื่องเล่าเช้านี้” ฟื้นเรตติ้งหลังล่าสุดร่วง 60%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - ช่อง 3 ลุยศึกข่าวเต็มกำลัง “สรยุทธ” นั่งคุม 3 รายการข่าว ทั้งเรื่องเล่าเช้านี้, เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ที่จัดเอง และคุมเบื้องหลัง เรื่องเด่นเย็นนี้ พร้อมเพิ่มเวลาให้ สะเทือน 4 รายการต้องหลุดผัง ช่องคู่แข่งต้องงัดวิธีลดราคาโฆษณาสู้ “MI” ชี้สถานการณ์โควิด ทั้งปีดีที่สุดตลาดสื่อโฆษณาโตได้เพียง 4% อาการหนักสุด คือทรงตัวที่ 75,000 ล้านเท่าปีก่อน

นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI เปิดเผยว่า หลังจากช่อง 3 เปิดตัว “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ที่จะกลับมาทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการข่าวให้แก่ช่อง 3 ในเดือน พ.ค. 2564 ที่จะถึงนี้ ประเมินว่าจะส่งผลในหลายเรื่อง เช่น ความสนใจในการติดตามข่าวสาร อิทธิพลทางความคิด ความรู้สึก ของผู้ชมรายการโทรทัศน์ต่อข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่างๆ และการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งน่าจะส่งผลบวกโดยตรงต่อช่อง 3 โดยเฉพาะรายการข่าว และเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีโดยรวม

“ปัจจุบันราคาโฆษณา รายการเรื่องเล่าเช้านี้ อยู่ที่ 2 แสนบาทต่อนาที แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาที่สรยุทธไม่ได้จัดรายการมีการยืดหยุ่นการขายโฆษณาลงค่อนข้างมาก แต่หลังจากสรยุทธกลับมา เชื่อว่าช่อง 3 จะลดแลกแจกแถมน้อยลง ส่วนในความเป็นจริงยังไม่มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มสินค้าที่คึกคักให้การตอบรับมากสุด 3 อันดับแรก คือ ยานยนต์ เครื่องดื่ม และเพอร์ซันนัลแคร์ ที่สำคัญช่องคู่แข่ง ทั้ง ช่อง 7, ไทยรัฐทีวี, อัมรินทร์ทีวี, เวิร์คพอยท์ทีวี และช่องวัน ที่อาจจะต้องงัดกลวิธีในเชิงลดราคาโฆษณามาสู้เป็นอันดับต้นๆ”


อย่างไรก็ตาม การกลับมาของสรยุทธครั้งนี้ อยู่ในฐานะบุคลากรของทางช่อง 3 โดยตรง และช่อง 3 ให้อำนาจดูแล 3 รายการ คือ 1. เรื่องเล่าเช้านี้ ที่จะปรับเพิ่มเวลาออกอากาศใหม่อีก 30 นาที จาก 06.00-07.55 น. เป็น 06.00-08.30 น. 2. เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ซึ่งทั้งสองรายการดำเนินรายการเอง ร่วมกับ ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ส่วน 3. เรื่องเด่นเย็นนี้ ดูแลอยู่เบื้องหลัง (จากเดิมรายการนี้ฝ่ายข่าว 3 ผลิตร่วมกับทางเซิร์ซ) โดยจะปรับทีมผู้ประกาศข่าวใหม่ เป็น ไก่ ภาษิต คู่กับ ตูน ปรินดา ปรับเวลาออกอากาศ จากเดิมเวลา 15.45-16.45 น. เป็นเวลา 16.30-18.00 น.แทน ซึ่งทั้ง 3 รายการอยู่ภายใต้การผลิตและออกอากาศโดยช่อง 3

การปรับผังรายการข่าวใหม่ มี 4 รายการที่ต้องหลุดผังไป คือ 1. โต๊ะข่าวบันเทิง จ.-ศ. 10.55-11.20 น. 2. รีวิวบันเทิง จ.-ศ. 16.45-17.00 น. 3. ดาวินชี่ เกมถอดรหัส จ.-ศ. 17.00-17.30 น. และ 4. เกมแจกรถ จ.-ศ. 17.30-18.00 น. โดยมี 1 รายใหม่ที่เพิ่มเข้ามาแทน คือ ข่าว 3 สี จ.-ศ. 16.00-16.30 น.

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของสรยุทธ คือตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาพฤติกรรมการบริโภคสื่อ พฤติกรรมของผู้ชมหรือผู้เสพรายการข่าว หรือคอนเทนต์ประเภทข่าวเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งการรับชมรายการข่าวผ่าน TV ช่องต่างๆ และช่องทางออนไลน์หรือผ่าน Social Media ของ Publishers และ KOLs ที่หลากหลาย (ทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่น) เป็นที่นิยมมากขึ้นในวงกว้าง จนกลายเป็นพฤติกรรมหลักไปแล้วสำหรับคนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่


ทาง MI มองว่าบทบาทและความนิยมในตัวสรยุทธในปัจจุบัน ภายใต้สมรภูมิสื่อที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัลที่ Social Media มีอิทธิพลต่อคนไทยอย่างมาก สรยุทธไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้ดูแล ควบคุมและดำเนินรายการข่าว แต่สรยุทธถือว่าเป็น Influencer (KOL) แนวหน้า เป็นผู้สร้างคอนเทนต์ข่าว การนำเสนอในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์

เพราะฉะนั้น การวัดความนิยมในตัวสรยุทธในฐานะกรรมกรข่าว วัดจากเรตติ้งผู้ชมรายการข่าวทาง TV ของช่อง 3 อย่างเดียวคงไม่พอ การคำนึงถึงจำนวนผู้ชมและผู้มีส่วนร่วมในช่องทางออนไลน์ social media ต่างๆ น่าจะเป็นคำตอบที่ทำให้ภาพชัดเจนถึงความนิยมและอิทธิพลของสรยุทธต่อคนไทยและผู้บริโภคข่าวจากหลากหลายช่องทาง

ดังนั้น การกลับมาทำหน้าที่ผู้ดูแลรายการข่าว ผู้ดำเนินรายการข่าวของสรยุทธ อาจเป็นเรื่องยากและท้าทายมากที่จะดันเรตติ้งกลับไปที่จุดเดิมหรือสูงกว่าเรตติ้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากข้อมูลเรตติ้งเฉลี่ยของ ”รายการเรื่องเล่าเช้านี้” ในช่วงที่สรยุทธยังจัดรายการอยู่ เปรียบเทียบกับเรตติ้งเดือนล่าสุด ตกลงมากกว่า 60% และ “รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ตกลงมากกว่า 30%

นายภวัตกล่าวต่อว่า แต่เนื่องจากปีนี้ยังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 อยู่ ทาง MI จึงคาดการณ์ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาเอาไว้ 2 รูปแบบ คือ 1. เลวร้ายสุด หมายถึง สถานการณ์โควิดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่จบภายในครึ่งปีแรก ดังนั้นถึงสิ้นปี 64 นี้ตลาดรวมสื่อโฆษณาน่าจะทรงตัวอยู่ที่ 75,000 ล้านบาท เท่าปีก่อน 2. อย่างดีสุด ในสถานการณ์ที่สามารถควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ต่ำกว่า 1,000 คนลงมาได้อย่างต่อเนื่อง หรือควบคุมสถานการณ์ได้ภายในเดือน พ.ค. เชื่อว่าตลอดทั้งปีนี้ตลาดรวมสื่อโฆษณาน่าจะโตได้ 4% หรืออยู่ที่ 78,000 ล้านบาท จากก่อนหน้าที่จะเกิดโควิดรอบ 3 เคยคาดการณ์ไว้ว่าปีนี้น่าจะโตที่ 8% 






กำลังโหลดความคิดเห็น