ผู้จัดการรายวัน 360 - WP ปรับแผนธุรกิจอาหารรับมือโควิด ตั้งงบสำรองลงทุนไว้ 50 ล้านบาท พร้อมเจรจาหาพันธมิตรค้าปลีกรายใหญ่เปิดสาขาแบรนด์ในเครือ เดินหน้าเจรจาถือหุ้นในแบรนด์อื่นๆ เปิดร้านผัดไทยไฟทะลุ แฟลกชิป
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและบริหารองค์กร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ต้องปรับแผนธุรกิจอาหารบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการระบาดของโควิด-19 ระบาดรอบใหม่นี้อีกแล้ว หลังจากที่เคยวางแผนไว้เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วที่สถานการณ์ยังดีอยู่
โดยแผนเดิมบางอย่างอาจจะชะลอบ้าง โดยเฉพาะการเปิดสาขาใหญ่ของแบรนด์ต่างๆ ที่คงไม่ได้เปิดมากนัก หรือการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่ปีที่แล้วเคยระบุว่าจะเปิดร้านผัดซีอิ๊ว ส่วนธุรกิจพวกอาหารสำเร็จรูปหรือเครื่องปรุงรสคงไม่ได้เกิดขึ้นในปีนี้ แต่บางส่วนก็ยังเดินหน้าต่อ เช่น แบรนด์ Table 38 Patisserie ที่เป็นครัวขนมอบและเบเกอรี ขณะนี้มีการเจรจากับทางผู้ประกอบการค้าปลีก 2-3 รายใหญ่ในการที่จะเข้าไปเปิดในพื้นที่ของแลนด์ลอร์ด โดยจะเน้นจำหน่ายที่เมนูครัวซองต์เป็นหลักก่อน
นอกจากนั้น ยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ ทั้งการเข้าไปถือหุ้นร่วมกับเจ้าของแบรนด์เดิม หรือการไปซื้อกิจการก็ได้ ซึ่งขณะนี้มีการเจราจาไว้ประมาณ 2-3 แบรนด์ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน โดยการเข้าถือหุ้นนั้นจะจำนวนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเจรจาเป็นกรณีไป
“ปี 2564 นี้เราตั้งงบสำรองในการลงทุนไว้ประมาณ 50 ล้านบาทเพื่อลงทุนธุรกิจอาหาร ซึ่งจากยุทธศาสตร์ใหม่ของเราในการแตกไลน์สู่ธุรกิจอาหาร ด้วยการร่วมมือกับวันเดอร์ฟู้ด ได้รับผลตอบรับที่ดีในช่วงเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา เป็นสัญญาณที่ดีซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการต่อยอดจากธุรกิจก๊าซแอลพีจี ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซแอลพีจี มาสู่ธุรกิจอาหาร ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องและมีศักยภาพสูงในการสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ๆ และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ด้วยเป้าหมายที่เราวางไว้ในการสร้างผลกำไรปีละกว่า 10% ของกำไรรวมของบริษัท และสร้างการเติบโตเป็น 20% ภายใน 5 ปี หรือภายในปี 2568” นางสาวชมกมลกล่าว
ในส่วนของภาพรวมธุรกิจของดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ในปี 2564 นี้จะครอบคลุมการดำเนินธุรกิจใน 3 ประเภท ประกอบด้วย 1) ธุรกิจก๊าซแอลพีจี ภายใต้แบรนด์เวิลด์แก๊ส ซึ่งเป็นรายได้หลัก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพและศักยภาพภายในเพื่อสร้างกำไรเติบโตอย่างยั่งยืน 2) ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซแอลพีจี เรามีแผนการในการทำธุรกิจซ่อมและผลิตถังก๊าซของบริษัทในอนาคต ถือเป็นธุรกิจใหม่ที่สามารถลดความเสี่ยงด้านรายได้และสร้าง Synergy กับธุรกิจเดิมได้เป็นอย่างดี 3) การเริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ โดยในปีนี้เราได้มีการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนเป็นครั้งแรก เริ่มจากโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเข้าสู่ยุคใหม่ของธุรกิจพลังงาน รวมถึงธุรกิจอาหาร
นายนพวงศ์กล่าวว่า ปี 2564 นี้คาดว่าจะมีรายได้รวมจากธุรกิจอาหารประมาณ 100 ล้านบาท โดยสัดส่วนหลักมาจากแบรนด์ “ผัดไทยไฟทะลุ” ประมาณ 30% ล่าสุดเปิดร้านแฟลกชิปที่สยามสแควร์ซอย 10 และเดือน 7 จะย้ายสาขาถนนดินสอมารวมอยู่ที่เดียวกัน นอกจากนั้นมีแบบเอ็กซ์เพรสอยู่ที่ตึกมหานครของกลุุ่มคิงเพาเวอร์ ซึ่งขณะนี้เจรจากันที่จะเปิดร้านผัดไทยไฟทะลุในพื้นที่ของคิงเพาเวอร์หลายแห่งด้วยกัน รวมถึงจะขายแฟรนไชส์ด้วยทั้งในไทยและต่างประเทศในอนาคต ส่วนแบรนด์ฮังกรีแรบบิท ข้าวซอยสุขภาพ สาขาแรกอยู่ที่เดียวกับผัดไทยไฟทะลุสยามสแควร์ซอย 10 คาดว่าสัดส่วนรายได้ 10%
ส่วน ปีกุน ร้านอาหารอีสานสไตล์ฟิวชัน เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ โดยขยายการให้บริการช่วงกลางคืน เพื่อเป็นสถานที่แฮงก์เอาต์, สำหรับ Table 38 ซึ่งเป็นภัตตาคารระดับไฟน์ไดนิ่งจะปรับรูปแบบให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเมนูอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา และ Table 38 Patisserie ครัวขนมอบและเบเกอรีที่เน้นการใช้วัตถุดิบและกรรมวิธีแบบพรีเมียม ในช่วงแรกยังไม่มีหน้าร้านถาวร แต่เป็นรูปแบบของการตั้งบูท ออกงานอีเวนต์ และนอกจากนี้เรายังจับมือร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่มีศักยภาพในการขยายสาขาได้อีกกว่า 40 สาขาเป็นอย่างน้อยในปีนี้
นอกจากนั้น ยังเตรียมแผนการต่อยอดธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เช่น ธุรกิจการรับจัดเลี้ยงในงานอีเวนต์ ปาร์ตี้ และงานแต่งงาน ธุรกิจการผลิตและส่งวัตถุดิบ รวมถึงอาหารสำเร็จรูปให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กร เช่น โรงแรม และสายการบิน การเปิดแฟรนไชส์ของแบรนด์ร้านอาหารในเครือไปยังต่างจังหวัด และต่างประเทศ การผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงรสในการประกอบอาหาร หรือในรูปแบบอาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน รวมทั้งการสร้าง Cloud Kitchen เพื่อตอบรับการเติบโตของธุรกิจการรับส่งอาหารถึงที่บ้าน (Food Delivery)
เชฟแอนดี้ ยังเอกสกุล เชฟมิชลินสตาร์ ผู้ก่อตั้งวันเดอร์ฟู้ด อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า “ร้านผัดไทยไฟทะลุ สาขาเรือธง สยามสแควร์ คือการรวบรวมคาราวานอาหารสตรีทฟูดในเครือไว้ในที่เดียว โดยชั้นล่างสุดของร้านออกแบบให้เป็นครัวแบบเปิด โชว์วิธีการประกอบอาหารสไตล์สตรีทฟูดดั้งเดิมแบบไทยๆ พร้อมบาร์เครื่องดื่มแบบไทยๆ ชั้นที่ 2 เป็นส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารที่ผสมผสานองค์ประกอบความเป็นไทย ทั้งการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ การจัดวางเคาน์เตอร์ และการแต่งกายของพนักงาน และชั้นที่ 3 เป็นส่วนของร้านข้าวซอย Hungry Rabbit ที่ตกแต่งในสไตล์ร้านราเมนแบบญี่ปุ่น โดยคาดหวังว่าธุรกิจอาหารในเครือของเราจะเป็นหนึ่งในปัจจัยช่วยส่งเสริมและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทย เมื่อเราพร้อมที่จะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งเร็วๆ นี้ หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดมาอย่างยาวนาน”