บีทีเอสออกแถลงการณ์ขอบคุณ “นายกฯ ประยุทธ์” เร่งพิจารณาสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียว พร้อมส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้โดยสารชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี กทม.ค้างหนี้จ้างเดินรถกว่า 9 พันล้านบาท และภาระการลงทุนค่าระบบอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาระทางการเงินของบริษัท
วันนี้ (8 เมษายน) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี แจ้งว่า ตามที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า
“ในเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผมก็ทราบถึงความเดือดร้อน ผมเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลักในการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะฉะนั้นขณะนี้ขั้นตอนก็เหลือเพียงอยู่อย่างเดียวคือนำเรื่องเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแล้วนำไปสู่เรื่องการเจรจาที่มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว”
นายสุรพงษ์กล่าวว่า วันนี้บริษัทฯ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกเรื่อง “ชี้แจงข้อเท็จจริงการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว” ให้ประชาชนได้รับทราบว่าที่ผ่านมาบริษัทฯ เข้าใจถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินของรัฐบาล ซึ่งกรุงเทพมหานครได้แบกรับค่าก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก และค่าโดยสารไม่สูงจนเกินไป โดยภาระหนี้ที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในช่วงส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต, ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) เป็นหลัก
ประกอบด้วย ค่าระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ค่าจ้างเดินรถ ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควรที่กรุงเทพมหานคร โดย บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ไม่ได้ชำระค่าจ้างเดินรถ
ทั้งนี้ บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนจะเข้าใจถึงปัญหาที่เราต้องเผชิญ และได้พยายามอย่างที่สุด ที่จะร่วมรับผิดชอบเพื่อหาแนวทางการแก้ไขข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ให้การสนับสนุน และจะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะดูแลผู้โดยสารทุกท่านอย่างดีที่สุด
สำหรับจดหมายเปิดผนึกเรื่อง “ชี้แจงข้อเท็จจริงการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว” ถึงผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกท่าน มีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ปรากฏข่าวสารผ่านสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับความพยายามแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินของรัฐบาล โดยกรุงเทพมหานครแบกรับค่าก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและค่าโดยสารไม่สูงจนเกินไปในส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต, ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) ค่าระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ค่าจ้างเดินรถ รวมทั้งสิ้นกว่าแสนล้านบาท ด้วยการหาแนวทางบริหารการเดินรถในพื้นที่ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมถึงการลดภาระค่าโดยสารให้แก่ประชาชน โดยคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาด้วยการขอให้เอกชนรับภาระหนี้สินทั้งหมดกว่าแสนล้านบาทไปจากรัฐบาลและกรุงเทพมหานครเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน โดยรัฐจะอนุญาตให้สัมปทานเอกชนในการเดินรถ 30 ปี ทั้งนี้ ต้องกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายทุกเส้นทางสูงสุดไม่เกิน 65 บาท ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบ
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการสนับสนุน และร่วมแก้ไขปัญหามาเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าว กรุงเทพมหานคร โดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ไม่ได้ชำระค่าจ้างเดินรถจนเป็นเหตุให้มีภาระหนี้ติดค้างนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 จำนวน 9,602 ล้านบาท และหนี้ค่าซื้อระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ที่ถึงกำหนดชำระจำนวน 20,768 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นประมาณสามหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาระทางการเงินที่มากเกินกว่าที่บริษัทฯ จะแบกรับต่อไปได้ บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องยื่นหนังสือทวงถามเรื่องการชำระหนี้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบยังไม่ชำระหนี้ให้กับบริษัทฯ แต่อย่างใด
จากข้อเท็จจริง และสภาพปัญหาดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ ได้พยายามอย่างที่สุดที่จะร่วมรับผิดชอบในการหาแนวทางการแก้ไขข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาที่ซ้อนปัญหาอยู่ภายใน ซึ่งบริษัทฯ เองไม่สามารถก้าวล่วงได้ ประกอบกับมีบุคคลบางกลุ่มบางฝ่ายอาจต้องการที่จะไม่ให้เรื่องดังกล่าวได้รับการแก้ไข และพยายามสร้างประเด็นต่างๆ ขึ้นมาเพื่อคัดค้านต่อต้าน โดยไม่สนใจว่าหากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขจะสร้างความเดือดร้อนเสียหายเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะกับผู้โดยสารและประชาชนที่มาใช้บริการ
ตลอดระยะเวลากว่า 21 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสมาโดยตลอด และมีส่วนร่วมทำให้การจราจรในกรุงเทพมหานครมีความคล่องตัวมากขึ้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้บริการระบบขนส่งมวลชนที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน จะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะดูแลผู้โดยสารทุกท่านอย่างดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ ซึ่งโดยลำพังบริษัทฯ เองไม่สามารถแก้ไขให้ประสบความสำเร็จได้ และสุดท้ายอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนได้ บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงและสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อให้ผู้โดยสารทุกท่านเข้าใจและรับทราบในเบื้องต้น