“ศักดิ์สยาม” ชี้สัญญาณดีฟื้นสู้ค่าโง่โฮปเวลล์ รอถอดรายละเอียดคำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญ พลิกสู้คดี พร้อมเร่งตั้งคณะทำงานดูคดีอาญา เสริมทีมคดีละเมิด ลั่นเรื่องนี้สู้สุดซอย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2564 กรณีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในโครงการโฮปเวลล์ ค่าเสียหายกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท ว่าเท่าที่รับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเบื้องต้นถือเป็นสัญญาณที่ดีของการต่อสู้เรื่องโฮปเวลล์ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังต้องรอคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีรายละเอียดการพิจารณาทั้งหมดก่อน ซึ่งตามกระบวนการนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะส่งคำวินิจฉัยกลางไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐสภา ในฐานะผู้ร้องจากนั้นจึงจะส่งต่อมายังกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนในแต่ละประเด็นว่ามีข้อยุติทางกฎหมายอย่างไร โดยกระทรวงคมนาคมยื่นไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมี 2 ประเด็น คือ 1. การดำเนินการเป็นไปตามหลักของข้อกฎหมายที่มีหรือไม่ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประเด็นนี้มีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว และ 2. ประเด็นเรื่องอายุความ
“ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะทำงานของกระทรวงฯ พร้อมที่จะนำมาพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำมาตลอดว่าอะไรที่ดำเนินการตามหลักกฎหมายถูกต้องให้ดำเนินการ อะไรที่ไม่ถูกต้องจะทำให้ถูกคงไม่ได้ ดังนั้น เรื่องนี้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.จะต่อสู้อย่างเต็มที่ เพราะถือว่างบประมาณคือเงินภาษีของประชาชนทุกคน การจะนำไปจ่ายค่าอะไรก็ตามต้องถูกต้องตามกฎหมายและมีข้อเท็จจริง เรามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ” นายศักดิ์สยามกล่าว
สำหรับการหาตัวผู้กระทำผิดทางละเมิดตาม พ.ร.บ.ละเมิดฯ นั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่า คณะทำงานชุดที่มีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ได้ประชุมนัดแรกไปแล้ว และได้พิจารณาถึงกรณีอาญาและเห็นว่าควรมีการตั้งคณะทำงานเพิ่มในเรื่องอาญาซึ่งอยู่ระหว่างสรรหาบุคคลที่มีความรู้เข้ามาช่วย ส่วนเรื่องละเมิดนั้นกรณีที่ยังไม่มีการชำระค่าละเมิด จะยังไม่เริ่มนับอายุความ ดังนั้นจึงยังมีเวลาในการดำเนินการในประเด็นนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 เกี่ยวกับมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคสาม มาตรา 188 และมาตรา 197 หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่ามติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครองเป็นการออกระเบียบตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 44 แต่มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่