การรถไฟฯ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย เพิ่มเครือข่ายบริการรับส่งสินค้าร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศ
วันนี้ (12 มีนาคม) เวลา 09.30 น. ณ อาคารภาณุรังสีไปรษณียาคาร นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และนายกาหลง ทรัพย์สะอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) การใช้ทรัพยากรเครือข่ายที่มีอยู่ร่วมกันระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย กับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการรับส่งสินค้า และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศ
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้การรถไฟฯ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งเป็น 2 หน่วยงานที่มีบทบาทในการให้บริการรับส่งสินค้าของประเทศมาอย่างยาวนาน ได้สามารถนำทรัพยากรและเครือข่ายที่มีอยู่ทั้งสองฝ่ายมาพัฒนาการให้บริการด้านการขนส่งและนำจ่ายสินค้าร่วมกันได้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของการรถไฟฯ ที่มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการอยู่ตลอดเวลาเพื่อประโยชน์ของคนไทย
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะมีบริการที่การรถไฟฯ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมกันดำเนินการ ได้แก่ 1. บริการนำจ่ายสิ่งของถึงมือผู้รับปลายทาง (ในประเทศ) 2. บริการขนส่งสิ่งของทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ 3. การใช้พื้นที่ของการรถไฟฯ ในการขยายเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์และหรือจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนบริการอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต
นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินความร่วมมือเกิดความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายยังได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะทำงานของแต่ละฝ่ายขึ้น เพื่อร่วมกันพิจารณารายละเอียดหลักเกณฑ์เพิ่มเติม ทั้งด้านระบบงานการขนส่ง สถานที่เส้นทางในการเปิดให้บริการ อัตราค่าบริการ และการแบ่งผลตอบแทนระหว่างกันของทั้ง 2 องค์กร
อนึ่ง การรถไฟฯ คาดหวังว่า จากการลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ทั้ง 2 องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรด้านการให้บริการรับส่งสินค้าร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนที่ซ้ำซ้อน เกิดความคุ้มค่าในการจัดการ และทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการใช้บริการรับส่งสินค้ากับการรถไฟฯ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตลอดจนส่งผลดีต่อการพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศให้มีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้นในระยะยาวต่อไป