ผู้จัดการรายวัน 360 - “เจ้าสัว” รีแบรนด์ครั้งใหญ่ลุยตลาด ทุ่มงบ 100 ล้านบาทมากสุด พร้อมทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ปรับภาพลักษณ์จากสินค้าของฝากสู่สินค้าอาหารที่พร้อมบริโภคได้ทุกวัน ขยายกำลังผลิต ลุยออนไลน์ เพิ่มช่องทางขายใหม่
นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เตีย หงี่ เฮียง จำกัด เจ้าของแบรนด์ เจ้าสัว เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นปีที่แล้ว (2563) บริษัทฯ ได้รับผลกระทบเช่นกันแต่ไม่มากนัก เนื่องจากมีการปรับตัวปรับกลยุทธ์รองรับ โดยเฉพาะการขยายช่องทางจำหน่าย ทั้งช่องทางเดิมแต่เพิ่มจำนวนสาขา และช่องทางใหม่ๆ ทั้งโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันนัลเทรด ทำให้ยอดขายรวมปีที่แล้วเติบโต 15% และมีรายได้รวมเกินหลักพันล้านบาทเป็นครั้งแรก ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรวมเติบโต 30%
ปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะทรานส์ฟอร์มธุรกิจและปรับภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ “เจ้าสัว” จากเดิมที่เน้นภาพลักษณ์การเป็นของฝาก สู่สินค้าอาหารที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน ในรูปแบบ Snack และ Ready to eat และ Ready to cook meal ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดมากขึ้น โดยปรับภาพลักษณ์ใหม่ตั้งแต่ตัวสินค้าที่เป็นเนื้อสัตว์แปรรูปโดยทำออกมาให้หยิบกินง่าย เหมาะกับการเป็นของว่างกินเล่น ไม่ว่าจะเป็น ข้าวตัง, หมูแผ่นกรอบ, หมูแท่งกรอบ และหมูทุบ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่มีดีไซน์ทันสมัย หลายขนาดตามไลฟ์สไตล์แต่ละคน และมีซิปล็อกสำหรับเก็บไว้กินต่อได้ ให้เหมาะต่อการเป็นสินค้าที่มีไว้ติดกระเป๋าที่เป็นของว่างกินได้ทุกที่ทุกเวลา
นายสิริณัฏฐ์ ชญาน์นันท์ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ปี 2564 นี้บริษัทฯ จะใช้งบมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อทำตลาดเต็มที่ และถือว่าเป็นปีที่ใช้งบตลาดมากที่สุดและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดนับตั้งแต่เปิดกิจการมากว่า 63 ปีก็ว่าได้ โดยจะสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งมีหนังโฆษณามากถึง 3 เรื่องในปีนี้ โดยมีครอบครัวของ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์-แมทธิว น้องดีแลน และน้องเดมี่ ดีน เป็นพรีเซ็นเตอร์ครั้งแรก เริ่มออนแอร์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์
นอกจากน้ันยังจะลงทุนขยายโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่เดิมที่นครราชสีมา เพื่อเพิ่มกำลังผลิตอีกประมาณ 40% จากเดิมเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและการเติบโตในอนาคตด้วย รวมทั้งขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ เพิ่มอีก และจะมีการออกเมนูหรือสินค้าใหม่เฉลี่ย 8-10 รายการต่อปี ล่าสุดออกหมูแท่งกรอบพร้อมดิปในรูปแบบถ้วยเป็นครั้งแรก จากปัจจุบันมีสินค้า 2 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มขนมกินเล่น สัดส่วนรายได้ 50% แบ่งเป็น ของว่างรองท้อง ได้แก่ ข้าวตัง, ข้าวแต๋น และของว่างกินเพลิน ได้แก่ หมูแผ่นกรอบ, หมูแท่งกรอบ และหมูทุบ กับ 2. กลุ่มอาหาร สัดส่วนรายได้ 50% แบ่งเป็น อาหารพร้อมปรุง ได้แก่ กุนเชียง, หมูยอ, แหนม และไส้กรอกอีสาน และอาหารพร้อมรับประทาน ได้แก่ หมูหย็อง, หมูแผ่นใหญ่
ส่วนช่องทางการจำหน่ายที่เป็นร้านเจ้าสัว มีมากกว่า 100 สาขา เป็นของบริษัทประมาณ 14 สาขา และแฟรนไชส์ 80 กว่าสาขา ปีนี้จะทำการรีโมเดลใหม่ แต่อาจจะมีการเปิดสาขาใหม่ไม่มากนัก พร้อมกับการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหรือช่องทางเดิมแต่ขยายจำนวนสาขามากขึ้น ปัจจุบันสัดส่วนช่องทางจำหน่ายแบ่งเป็น ร้านเจ้าสัว, โมเดิร์นเทรดซึ่งบริษัทดำเนินการเอง, เทรดิชันนัลเทรดโดยมีพาร์ตเนอร์หลายราย และส่งออก เช่นที่ฮ่องกง จีน เวียดนาม สิงคโปร์ เป็นต้น ในสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 25% อีกทั้งปีที่แล้วได้เพิ่มช่องทางออนไลน์ด้วยในหลายแพลตฟอร์ม เช่น ร้านค้าออนไลน์ทั้งเว็บไซต์ www.chaosua.com, Facebook : เจ้าสัว, Line Official Account : @chaosua และ Shopee, Lazada”
ตลาดสแน็กรวมในไทยมีมูลค่ามากกว่า 40,000 ล้านบาท เติบโตดี แต่ขณะที่สินค้าสแน็กกลุ่มมีตหรือกลุ่มเนื้อสัตว์นั้นน้อยแค่ 100 กว่าล้านบาทเท่านั้นเอง ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก รวมทั้งกลุ่มนี้ยังมีผู้ประกอบการน้อยมาก