ผู้จัดการรายวัน 360 - ‘NSL’ กางแผนธุรกิจ 5 ปี ตั้งเป้ารายได้ 6,000 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ “Nutrition Sustainable for Life” มุ่งผลิตอาหารด้วยนวัตกรรม ขยายพอร์ต “ฟูดเซอร์วิส” นำเข้าอาหารทะเล เนื้อสัตว์ บุกตลาดขนมขบเคี้ยวนวัตกรรม เสริมทัพธุรกิจแซนด์วิชอบร้อน จ่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ไว้ 3,500 ล้านบาท
นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในระยะเวลา 5 ปี (2564-2568) จะขยายพอร์ตธุรกิจใหม่ผ่านกลยุทธ์ Nutrition Sustainable for Life ซึ่งเป็นการมุ่งการผลิตอาหารและเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมการผลิตของบริษัทฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค สภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ มีการศึกษาตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อวางแผนการลงทุนให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้ โดยปีนี้จะลงทุนประมาณ 350 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้า
บริษัทฯ วางกลยุทธ์ร่วมกับร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น คือ การเสริมสินค้าในรูปแบบของดีลิเวอรีและสินค้าที่ขายในตู้กดอัตโนมัติ (vending machine) มีสินค้าประมาณ 40 ตัว ซึ่งจะต้องมีการสลับและพัฒนาใหม่อยู่เสมอ
นอกจากนี้ ยังมีการขยายธุรกิจประเภทฟูดเซอร์วิส นำเข้าอาหารทะเล เนื้อสัตว์และผักแช่แข็ง โดยเมื่อปี 2562 NSL ได้เข้าซื้อกิจการจาก บริษัท ควอลิตี้ฟู้ด สเปเชียลตี้ จำกัด เข้ามาเป็นแผนกหนึ่งของบริษัทฯ ส่วนปี 2564 จะเพิ่มสูตรปรุงอาหารสำหรับเชนร้านอาหารในลักษณะ ready to eat หรือ ready to cook มากขึ้น และล่าสุดพัฒนาสแน็กนวัตกรรมเพื่อเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ มุ่งส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ และวางขายในซูเปอร์มาร์เกตในไทยภายในไตรมาส 2 ของปีนี้
บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ภายในเวลา 5 ปี โดยมีเป้าหมายสัดส่วนรายได้ใน 5 ปีข้างหน้าเกิดจากธุรกิจอื่น (non 7-Eleven) ในสัดส่วน 30% และอีก 70% เป็นธุรกิจร่วมกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นครองสัดส่วนรายได้อยู่ที่กว่า 90%
“เราไม่ได้มองว่าการที่เราทำธุรกิจกับเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นความเสี่ยง แต่เป็นการพัฒนาและเติบโตไปพร้อมๆ กัน ที่ผ่านมาเอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ได้ลงนามบันทึกความตกลงร่วมกันกับทางเซเว่นอีเลฟเว่นว่าจะเป็นผู้ผลิตแซนด์วิชอบร้อนให้เซเว่นอีเลฟเว่นเพียงรายเดียว ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดีเป็นอันดับ 1 มีกำลังการผลิตมากกว่า 1,250,000 ชิ้นต่อวัน แต่เราก็พัฒนาแบรนด์สินค้าและธุรกิจของ NSL เองให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น โดยลงทุนไปสู่ธุรกิจอาหารรูปแบบอื่น วางแผนระยะเวลา 5 ปีจะมีสัดส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นใหม่จากร้านค้านอกเซเว่นอีเลฟเว่นมากขึ้นด้วย ปัจจุบันผลิตขนมปังเนื้อนุ่ม และขนมปังโฮลวีตภายใต้ แบรนด์ Bakery Arigato จำหน่ายผ่านท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต และแฟมิลี่มาร์ท, Natural Bites ขนมเพื่อสุขภาพ ขนมพริกกรอบแบรนด์ ChiLee รวมถึงส่งออกต่างประเทศ และยังมีพายแท่งแบรนด์ปังไท” นายสมชายกล่าว
สำหรับธุรกิจฟูดเซอร์วิส จากมูลค่าตลาด 20,000 ล้านบาท มีผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย เริ่มแรกจะเน้นนำเข้าสินค้าอาหารแช่แข็ง ได้แก่ เนื้อสัตว์แช่แข็ง เช่น ปลาแซลมอน ปลาหิมะ เนื้อออสเตรเลีย หอยเชลล์ ส่วนปีนี้เพิ่มการลงทุนในส่วนของอาหารประเภทพร้อมปรุงพร้อมรับประทาน เช่น การผลิตสูตรซอสอาหารสำเร็จรูปเพื่อส่งให้เชนร้านอาหารหรือโรงแรมต่างๆ จะขยายธุรกิจไปยังตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ พัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพเฉพาะกลุ่ม และสำหรับคนในแต่ละช่วงวัย อาหารสำหรับผู้ป่วย จำหน่ายผ่านร้านโมเดิร์นเทรด คอนวีเนียนสโตร์ และผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นต้น
บริษัทฯ ได้ขยายตลาดสินค้าที่มีนวัตกรรม เป็นพันธมิตรกับนักธุรกิจที่ทำแป้งโปรตีนสูงจากจิ้งหรีดในจังหวัดเชียงใหม่ เน้นส่งออกต่างประเทศเป็นสินค้าประเภทเบเกอรีและขนมขบเคี้ยว ยังมีแผนเพิ่มความหลากหลายของสแน็กเพื่อจับกลุ่มคนรักสุขภาพภายใต้แบรนด์ Natural Bites คาดว่าจะวางจำหน่ายไตรมาส 2 ปี 2564” นายสมชายกล่าวเพิ่มเติม
สำหรับรายได้ในปี 2563 สิ้นสุดไตรมาส 3 เดือนกันยายน 2563 บริษัทมีรายได้รวม 2,164.9 ล้านบาท โดยกลุ่มของเบเกอรีและอาหารรองท้องคิดเป็น 94.5% ของรายได้ทั้งหมด ในส่วนของธุรกิจฟูดเซอร์วิสมีรายได้ 94.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า ในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 16% ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาส 2 ปี 2564 โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน