ผู้จัดการรายวัน 360 - เดนทิสเต้ เปิดศึก “แปรงฟันไม่ใช้น้ำ” และนวัตกรรมสุดล้ำตลอดปี เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากสุดในรอบ 15 ปี เล็งเติมกัญชงเพิ่มสูตรยาสีฟัน แย้มกำลังจีบ “ลิซ่า BlackPink” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมพลิกคอนเซ็ปต์ใหม่ Dentiste’ Premium Care อัดงบลงทุนสูงสุด 500 ล้านบาท มั่นใจดันยอดขายกลุ่มกูแลช่องปากโต 25% ดันรายได้รวมสู่ 4,000 ล้านบาทในปีนี้
เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ สยามเฮลท์กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม เดนทิสเต้ เปิดเผยว่า ตลอด 15 ปี ผู้บริโภคยังคงเข้าใจว่าเดนทิสเต้มีเพียงผลิตภัณฑ์เดียว ด้วยความที่เป็นนิชโปรดักต์ต่อปีจึงขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่มาก ปัจจุบันเดนทิสเต้มีผลิตภัณฑ์รวมกว่า 70 ตัว จึงเป็นโจทย์ที่ต้องการแก้ไขในปี2564นี้
ส่งผลให้ปีนี้เดนทิสเต้จะมีผลิตภัณฑ์ออกใหม่มากสุดในรอบ 15 ปี ไม่ว่าจะเป็น 1. Dentiste’ Anticavity Max Fluoride เป็นยาสีฟันที่แปรงโดยไม่ใช้น้ำ หรือเรียกว่ายาสีฟันฟันแห้ง 2. เดนทิสเต้ สูตร CBD หรือมีส่วนผสมของกัญชง ที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ช่วงปลายปี เป็นต้น
โดยปีนี้พร้อมใช้งบลงทุนรวมกว่า 500 ล้านบาท แบ่งออกเป็น งบการตลาดและประชาสัมพันธ์ 400 ล้านบาท และอีก 100 ล้านบาท เกี่ยวกับเพิ่มเครื่องจักรเพื่อผลิตลูกอม Sukkiri by Dentiste’ ที่เดิมผลิตจากญี่ปุ่น ภายใต้การปรับรูปแบบใหม่ของเดนทิสเต้ จากภาพการเป็นยาสีฟันก่อนนอน พลิกคอนเซ็ปต์สื่อสารใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ Dentiste’ Premium Care
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะเลือก ลิซ่า BlackPink นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ในไทย ซึ่งต้องใช้งบกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุที่เลือกลิซ่าเพราะจะช่วยให้ภาพลักษณ์แบรนด์มีความว้าว ทันสมัย มีความเป็นโกลบัลแบรนด์ รวมถึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มเจน Y
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมาตรการคุมเข้มของภาครัฐทำให้กลุ่มลูกค้าหายไปจากช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด และตลาดยาสีฟันยังมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่า จากเดิมมีคู่แข่งประมาณ 10 ราย ล่าสุดเพิ่มเป็น 50-60 ราย ทำให้เดนทิสเต้ต้องเน้นกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งหมด
โดยปีนี้จะขยายช่องทางการขายรูปแบบออนไลน์ และทีวี Shopping มากขึ้น ซึ่งประสบความสำเร็จมากในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพราะรูปแบบการขายน่าสนใจ สามารถสร้าง value สินค้าทำให้คนซื้อเห็นคุณค่าของสินค้าจริงๆ สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้ายุคโควิดที่คนอยู่บ้านกันมากขึ้น ดูโทรทัศน์ ใช้อินเทอร์เน็ต และนิยมซื้อของออนไลน์มากขึ้น
ดร.แสงสุขกล่าวต่อว่า จากแผนที่วางไว้เชื่อว่า ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากจะมียอดขายเเติบโตขึ้น 25% ในปี 2564 นี้ หรือรายได้รวมปีนี้จะทำได้ราว 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเพอร์ซัลนัลแคร์ และออรัลแคร์ 50% เท่าๆ กัน โดยในกลุ่มเพอร์ซัลนัลแคร์เติบโต 0-5%
ขณะที่ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากมีมูลค่า 18,000 ล้านบาท โตปีละ 5% ปัจจัยการเติบโตมาจาก คู่แข่งที่เพิ่มขึ้น และผลิตภัณฑ์มีนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคพร้อมจ่ายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ขณะในกลุ่มตลาดยาสีฟันมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยกลุ่มพรีเมียมมีอยู่ราว 10% และเดนทิสเต้มีส่วนแบ่งอยู่ในตลาดนี้