ผู้จัดการรายวัน360-เบอร์เกอร์คิงไทย สปีดเร็ว เปิดตัวโมเดลภาพลักษณ์ใหม่แห่งแรกในเอเซีย แปซิฟิก ตามรอยการปรับใหม่ทั่วโลกครั้งแรกรอบ 20ปี หวังสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ปีนี้ลุ้นรายได้ฟื้นตัวกลับมาเท่าเดิมก่อนวิกฤตโควิดระบาด
นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เบอร์เกอร์คิงได้ทำการปรับภาพลักษณ์ใหม่หรือทำรีเฟรชภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นครั้งแรกในรอบ 20ปีทั่วโลก โดยครั้งนี้จะเป็นการปรับทุกอย่างตั้งแต่โลโก้ การตกแต่ง การสื่อสาร ยูนิฟอร์มและอื่นๆเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย รวมทั้งสอดรับกับแพลตฟอร์มในยุคดิจิทัลด้วย โดยที่อเมริกาได้เริ่มทยอยปรับเป็นแห่งแรกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ส่วนไทยก็จะทยอยเริ่มในปีนี้ โดยเป้าหมายทั่วโลกจะต้องเปลี่ยนรูปแบบเป็นคอนเซ็ปท์ใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปี2574
สำหรับในประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในตลาดเอเซียแปซิฟิกที่ได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ที่ร้านในปั๊มคาลเท็กซ์พร้อมบริการไดร์ฟทรู กาญจนาภิเษก นนทบุรี เปิดเมื่อวันที่29มกราคมที่ผ่านมาเป็นแห่งแรกแต่เปลี่ยนโลโก้อย่างเดียว และจะเปิดสาขาใหม่ที่สองที่จะครบวงจรเต็มรูปแบบที่ปั๊มเชลล์ใกล้เซ็นทรัลเวสท์เกต วันที่ 5กุมภาพันธ์นี้ ส่วนแผนปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ในโมเดลคอนเซ็ปท์ใหม่ประมาณ 5-10 สาขา ที่จะมีรวมทั้งสแตนด์อโลน ในปั๊มน้ำมันและในศูนย์การค้า ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่มีความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม สาขาเดิมที่มีอยู่ จำนวน114 สาขา (ไม่รวมที่เปิดใหม่ต้นปีนี้ 2 สาขาแล้ว) จะมีการทยอยรีโนเวตให้เป็นคอนเซ็ปท์ใหม่ทั้งหมด และต้องปรับเปลี่ยนทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง การสื่อสาร ยูนิฟอร์ม บอร์ดเมนู เป็นต้น แต่ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งอีกทั้งต้องใช้สต๊อกของเดิมให้หมดก่อนด้วยเช่น บรรจุภัณฑ์ ส่วนงบลงทุนทั้งหมดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ไทยถือว่าดำเนินการได้เร็วกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคนี้
“การปรับภาพลักษณ์ใหม่นี้อีกเหตุผลหนึ่งก็คือการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เบอร์เกอร์คิงสามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้น ด้วยลายเส้นและดีไซน์ที่เรียบง่าย สนุกสนานและเป็นกันเอง และช่วยให้เบอร์เกอร์คิงขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆได้กว้างกว่าเดิมโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษาที่ปัจจบัันให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก ” นายธนวรรธ กล่าว
สำหรับปี2564นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายให้รายได้กลับมาเทียบเท่าปกติเช่นปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีรายได้ติดลบสองหลัก เนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19ระบาดเป็นปัจจัยลบหลัก ซึ่งต้องมีการปิดสาขาหลายแห่ง เช่นในสนามบิน 17แห่ง ที่ยังไม่เปิดบริการ และสาขาอื่นอีกกว่า 12 แห่ง
ทั้งนี้ยอดขายปัจจุบันหลังจากที่เกิดโควิด แบ่งเป็น เทคอเวย์ 50%, ดีลิเวอรี่ 25% และ ไดน์อิน25% ขณะที่ก่อนหน้านี้ในสถานการณ์ปกติ จะมาจาก ไดน์อิน 50%, เทคอเวย์35% และ ดีลิเวอรี่15% ซึ่งดีลิเวอรี่มีการเติบโตมาจากปี2562มากถึง2 เท่าและคาดว่าในปีนี้ดีลิเวอรี่น่าจะเติบโต 20% และสัดส่วนเพิ่มเป็น 30%
นอกจากนั้นจะมีการเปิดตัวเมนูใหม่ๆออกมาต่อเนื่องล่สุุดเดือนกุมภาพันธ์เทศกาลแห่งความรักจะเปิดตัว เบอร์เกอร์แบล็คแอนด์พิ้งค์ สองดูโอ้ความอร่อยประกอบด้วย แบล็คดับเบิลกริลล์ออเนียนเบอร์เกอร์ ราคา 149 บาท และพิ้งค์แซลมอนเบอร์เกอร์ ราคา 89 บาท
สำหรับตลาดรวมเบอร์เกอร์ในไทยคาดว่าจะมีประมาณ 10,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 2% แต่คาดว่าจะไม่มีรายใหม่ที่เป็นเชนใหญ่เข้ามาในตลาดอีก เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร