xs
xsm
sm
md
lg

“ยูนิลีเวอร์” ยอดขายพุ่งรอบ 10 ปี ขยายสินค้า-ปั้นไฮยีนสวนโควิด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เผยต้องมีแผนสำรองเตรียมรับมือโควิดที่ไม่รู้จะจบลงเมื่อไร เผยยอดขายเติบโตแทบทุกกลุ่ม เพราะการปรับตัว นำเสนอสินค้าสุขอนามัยเข้าตลาดเต็มที่ กลุ่มอาหารก็เติบโตดี

นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ประเทศไทยและอาเซียน กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อไร ดังนั้นการทำธุรกิจจึงต้องมีแผนสำรองเตรียมไว้ในการดำเนินงานเพื่อปรับตัวให้รับกับสถานการณ์และผลักดันยอดขายรวมทั้งการทำประโยชน์เพื่อชุมชนด้วย

ทั้งนี้ ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมายอดขายของยูนิลีเวอร์ในไทยยังเติบโตด้วยดีและสูงสุดในรอบ 10 ปีก็ว่าได้ เพราะเรามีการปรับต้วปรับกลยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ากลุ่มที่เกี่ยวกับสุขอนามัยและการฆ่าเชื้อที่เป็นที่ต้องการสูงในตลาด รวมทั้งการนำสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด เช่น โปรแม็กซ์ น้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแม้แต่สินค้าแบรนด์ไลฟ์บอย ก็นำกลับมาทำตลาดใหม่อีกครั้งหลังจากที่เงียบหายไปนาน เพราะเป็นสินค้าที่มีแบรนด์น่าเชื่อถือผู้บริโภครู้จักอยู่แล้ว และเป็นสินค้าที่ทำความสะอาดเหมาะต่อสถานการณ์


กลุ่มอาหารก็มียอดขายที่เติบโตดี เพราะคนอยู่บ้านมากขึ้น ทำอาหารรับประทานเองมากขึ้น เช่น ไอศกรีมก็มีการนำแบรนด์เวียเนตต้ามาทำตลาดอีกครั้ง หรือโจ๊กคนอร์ก็ได้รับการตอบรับดีมียอดขายเติบโตมาก อย่างไรก็ตาม อาจมีสินค้าบางกลุ่มที่ยอดขายไม่โตเช่นกันในตลาดรวม

การทำตลาดจากนี้ไปต้องมีความชัดเจนและมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน เพื่อตอบโจทย์กับตลาดบริโภคที่มีความแตกต่างกันจากผลกระทบของโควิด-19 ที่ทำให้กำลังซื้อมีความแตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม ยูนิลีเวอร์ยังคงมุ่งมั่นในการลงทุนและเดินหน้าขยายตลาดในประเทศไทยที่เป็นตลาดกลยุทธ์สำคัญแห่งหนึ่งในโลกของยูนิลีเวอร์ ซึ่งวันที่ 22 ธันวาคม 2563 นี้ยูนิลีเวอร์จะครบรอบ 88 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของเราอยู่ในครัวเรือนไทยถึง 99% สิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกผูกพันและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย เรามีความรับผิดชอบที่จะดูแลคนไทยและประเทศไทยซึ่งเป็นเสมือนบ้านของเรา


“เมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2563 คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับทุกคน สถานการณ์ที่ยากลำบากจากโรคระบาดส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ และความไม่สงบทางการเมือง และส่งผลกระทบต่อหลายภาคธุรกิจ แต่ยูนิลีเวอร์ยังคงยืนหยัดที่จะดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนและสังคมของเรา ดังเช่นที่เราทำมาตลอด 

ที่ผ่านมาเราได้บริจาคผลิตภัณฑ์มูลค่า 200 ล้านบาท ได้แก่ เจลทำความสะอาด ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์คนอร์และวอลล์ ชุดตรวจหาเชื้อโควิด และเครื่องช่วยหายใจ อีกทั้งยังดูแลพนักงานของเราทุกคน เพราะเราถือว่าความปลอดภัยของพนักงานมีความสำคัญเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ยังช่วยสนับสนุนสภาพคล่องทางการเงินของพันธมิตรทางธุรกิจ ด้วยการยืดระยะเวลาชำระเงินเป็นพิเศษ รวมทั้งลดราคาสินค้าหลายรายการ 


ยูนิลีเวอร์ได้ประกาศมาตรการและพันธกิจใหม่ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดที่ยังไม่คลี่คลาย มีเป้าหมายในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และเร่งฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติเพื่อคนรุ่นหลังผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าของยูนิลีเวอร์จะเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนหมุนเวียนหรือที่มาจากการรีไซเคิล

โดยภายในปี 2573 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าทั้งหมดของยูนิลีเวอร์จะเลิกใช้คาร์บอนที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แล้วเปลี่ยนไปใช้คาร์บอนหมุนเวียนหรือที่มาจากการรีไซเคิลแทน ยูนิลีเวอร์ยังตั้งกองทุนมูลค่า 1 พันล้านยูโรสำหรับโครงการ Clean Future เพื่อใช้ในการวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ และการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และของเสีย รวมทั้งการใช้สารเคมีคาร์บอนต่ำ รวมถึงการคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำและย่อยสลายทางชีวภาพได้ ลดขยะอาหารจากกระบวนการผลิตและเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี 2 เท่า


ยูนิลีเวอร์ยังมุ่งเปลี่ยนแปลงระบบอาหารทั่วโลก โดยภายในปี 2568 จะลดปริมาณขยะอาหารจากกระบวนการผลิตโดยตรงนับตั้งแต่ที่โรงงานไปจนถึงชั้นวางของในร้านค้าให้ได้ครึ่งหนึ่งทั่วโลก และจะเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีเป็นสองเท่าตัวทั่วโลก รวมถึงเดินหน้าลดแคลอรี ปริมาณเกลือและน้ำตาลในทุกผลิตภัณฑ์ลง ผ่านพันธกิจ “Future Food” 

ยูนิลีเวอร์ประเทศไทยลดขยะพลาสติกกว่า 1,400 ตัน และการสร้างอุปสงค์สำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยการใช้ PCR มากถึง 4,000 ตัน

ปีที่แล้วยูนิลีเวอร์ได้ประกาศพันธกิจในด้านพลาสติก โดยมุ่งลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่ลงครึ่งหนึ่ง และใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้ หรือย่อยสลายได้ ให้ได้ 100% นอกจากนี้ยังต้องเก็บรวบรวมพลาสติกและนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ให้ได้มากกว่าปริมาณที่จำหน่ายออกไป

“สภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีของโลกและผู้คน เป็นหัวใจหลักของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทย แม้ว่าปัจจุบันยูนิลีเวอร์จะได้รับการจัดอันดับโดย Globescan ให้เป็นองค์กรธุรกิจที่มีความยั่งยืนเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่เราก็ยังมีงานด้านความยั่งยืนที่ต้องทำอีกมากและเราไม่สามารถทำคนเดียวได้ เราต้องการให้เกิดการทำงานร่วมกัน สิ่งที่สำคัญคือ ยูนิลีเวอร์ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด และภาครัฐ จะต้องทำหน้าที่ของตนในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย 68 ล้านคน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งการยกระดับสุขอนามัยและความเป็นอยู่ที่ดี ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากแหล่งกำเนิด และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม” นายโรเบิร์ตกล่าวสรุป














กำลังโหลดความคิดเห็น