เปิดก้าวใหม่อุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าไทย GPSC เดินหน้าสร้าง Synergy พร้อมเติบโตโดยมุ่งเน้นธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และต่อยอดเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานเต็มรูปแบบ เสริมแกร่งศักยภาพขึ้นชั้นบริษัทนวัตกรรมพลังงานระดับสากล
ต้องยอมรับว่าในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาสถานการณ์และทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าที่ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป จากการตื่นตัวเรื่อง “พลังงานสะอาด” และจากนโยบายภาครัฐที่เปิดกว้างให้ภาคเอกชนสามารถเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งผู้บริโภคก็สามารถกลายเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าเองได้ด้วย ย่อมส่งผลให้เกิดการแข่งขันของกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าในประเทศมากขึ้น
ด้วยการเล็งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน บริษัท โกลบอล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในฐานะแกนนำด้านนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. (The innovative power flagship of PTT Group) เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภค จึงได้มีการกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อีกทั้งบรรลุเป้าหมายองค์กรในระยะยาวด้วย
โดยกลยุทธ์ดังกล่าวนั้นชื่อว่า “3S” ประกอบไปด้วย S1: SYNERGY & INTEGRATION, S2: SELECTIVE GROWTH และ S3 ที่ได้แก่ S-CURVE โดย S แต่ละตัวต่างมีความน่าสนใจในแง่ที่จะเป็นพลังผลักดันให้ GPSC พร้อมก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในโลกพลังงาน ได้อย่างยั่งยืน
S1: SYNERGY & INTEGRATION
ผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง!
แน่นอนว่า การแสวงหาพันธมิตรในการผนึกกำลัง (Synergy) เพื่อร่วมสร้างโอกาสในการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง คือหนึ่งในหัวใจสำคัญของความยั่งยืน และนั่นก็เป็นสิ่งที่ GPSC มุ่งมั่นทำมาโดยตลอด
ตัวอย่างความสำเร็จที่ผ่านมาซึ่งปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ก็อย่างเช่น การเข้าซื้อกิจการของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ซึ่งส่งผลให้ GPSC เติบโตแบบก้าวกระโดด เพิ่มกระแสเงินสด และมีความพร้อมสำหรับการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ใช่แต่เพียงเท่านั้น GPSC ยังได้จัดทำโครงการต่างๆ (Synergy Initiatives) ตามแผนงานการสร้างมูลค่าร่วมส่วนเพิ่มจากการควบรวมกิจการ ซึ่งทำให้สามารถบริหารทรัพย์สินทั้งหมดเชิงบูรณาการ มีเอกภาพ คล่องตัว เข้มแข็ง พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงและแผนขยายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงปรับปรุงผลประกอบการให้สูงขึ้นตามมาด้วย
ทั้งนี้ ในปีนี้ GPSC คาดว่ามูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการกับ GLOW จะสูงกว่า 500 ล้านบาท และคาดว่ามูลค่า Synergy จะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 1,600 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2567
S2: SELECTIVE GROWTH
พร้อมรุกตลาด “พลังงานหมุนเวียน”
ต้องยอมรับว่า ในช่วง 10 ปีมานี้ทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าได้มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แวดวงผู้ผลิตไฟฟ้าต่างมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ GPSC จึงมีความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจและเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี พ.ศ. 2568 GPSC จะมีสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 11%
และเมื่อเดือน พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา GPSC และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงแผนงานที่จะร่วมกันขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ผ่านบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล พาวเวอร์ จำกัด (GRP) ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การลงทุนประเภทธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar energy) และพลังงานลม (Wind energy)
โดยมีความมุ่งหวังว่าความร่วมมือในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนครั้งนี้จะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ และโอกาสในการขยายโครงการใหม่ๆ ในระดับสากล รวมทั้งส่งผลให้ GPSC สามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
S3: S-CURVE
ขยายการเติบโตอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันการมองหาธุรกิจที่เป็น New S-Curve เป็นสิ่งที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ และสำหรับ GPSC ก็มุ่งเน้นดำเนินการด้านนี้เช่นเดียวกันด้วยการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจในรูปแบบ New S-Curve เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจพลังงานและธุรกิจไฟฟ้าในอนาคต และเป็นผู้นำด้าน Energy Solution Provider ของกลุ่ม ปตท.
โดยที่ผ่านมา GPSC ได้มีผลงานที่เป็น New S-Curve ปรากฏเด่นชัดแล้ว จากการพัฒนาธุรกิจใหม่ 3 ส่วน ประกอบด้วย
1. Battery Business
GPSC ลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ต้นแบบ Semi Solid แห่งแรกของประเทศไทย โดยกำลังการผลิตเฟสแรกที่ 30 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะได้ First battery cell ในอีกไม่นานจากนี้ อีกทั้ง GPSC ได้มีการประสานงานกับหลายภาคส่วนในการทำตลาด ทั้งในส่วน Mobility และ Stationary ซึ่งจะรองรับการใช้งานรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV Bus) สถานีอัดประจุไฟฟ้า และการประยุกต์ใช้งานด้านอื่นๆ เป็นต้น
2. Energy Storage & System Integration
เรียกว่าคืบหน้าไปมากแล้ว สำหรับการพัฒนาธุรกิจการเป็นผู้ให้บริการระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Storage System : ESS) ซึ่งใช้ในการควบคุมการจัดเก็บและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
• โดยปัจจุบัน GPSC ได้ดำเนินการโครงการต่างๆ เช่น การร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC นำระบบ ESS ขนาด 1.5 เมกะวัตต์ชั่วโมง ไปเพิ่มความมั่นคงและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าที่ป้อนให้แก่อาคารสำนักงานและศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีของ GC จังหวัดระยอง, โครงการนำร่องเมืองอัจฉริยะ หรือ “Smart City” ให้กับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หรือ Innovation Platform รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve, โครงการติดตั้งโซลาร์บนหลังคา โซลาร์ลอยน้ำ ม.เทคโนโลยีสุรนารี ผสานนวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้า รวม 6 เมกะวัตต์, โครงการนำร่องร่วมกับกลุ่ม ปตท.ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดลอยน้ำทะเล (Floating Solar) ขนาด 100 กิโลวัตต์ ในพื้นที่บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เป็นต้น
3. Smart Energy Management
มุ่งเน้นศึกษา วิเคราะห์ คัดเลือกเทคโนโลยีในการบริหารจัดการพลังงานที่เหมาะสมกับตลาด New Energy เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อเดือน ส.ค. 2563 ที่ผ่านมาทาง ปตท.ได้ปรับพอร์ตการลงทุนโดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน GPSC เพิ่ม 8.91% ส่งผลให้ ปตท.มีสัดส่วนถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 31.72% ขณะที่ GPSC ก็ได้มีการรีแบรนด์ตัวเองเพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมพลังงาน สร้างนวัตกรรมรองรับการเติบโตของธุรกิจและการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามแผน New S-Curve ต่อไป
สุดท้ายแล้ว นี่คือการพลิกโฉมธุรกิจไฟฟ้าครั้งสำคัญของไทย สำหรับการ Synergy ระหว่าง GPSC กับ ปตท.ที่จะเพิ่มศักยภาพให้ GPSC เป็น Power Flagship ของกลุ่ม ปตท. ด้วยจุดแข็งจากแบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ซึ่งเตรียมนับถอยหลังเปิดตัวในเร็ววันนี้
โดยทั้งหมดก็เพื่อจะตอบโจทย์แผนธุรกิจของ GPSC และผลักดันให้ ปตท.บรรลุเป้าหมายการขยายพลังงานหมุนเวียน 8,000 เมกะวัตต์ภายในปี พ.ศ. 2573 สร้างความร่วมมือในการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและครบวงจร
ต้องยอมรับว่าในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาสถานการณ์และทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าที่ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป จากการตื่นตัวเรื่อง “พลังงานสะอาด” และจากนโยบายภาครัฐที่เปิดกว้างให้ภาคเอกชนสามารถเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งผู้บริโภคก็สามารถกลายเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าเองได้ด้วย ย่อมส่งผลให้เกิดการแข่งขันของกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าในประเทศมากขึ้น
ด้วยการเล็งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน บริษัท โกลบอล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในฐานะแกนนำด้านนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. (The innovative power flagship of PTT Group) เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภค จึงได้มีการกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อีกทั้งบรรลุเป้าหมายองค์กรในระยะยาวด้วย
โดยกลยุทธ์ดังกล่าวนั้นชื่อว่า “3S” ประกอบไปด้วย S1: SYNERGY & INTEGRATION, S2: SELECTIVE GROWTH และ S3 ที่ได้แก่ S-CURVE โดย S แต่ละตัวต่างมีความน่าสนใจในแง่ที่จะเป็นพลังผลักดันให้ GPSC พร้อมก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในโลกพลังงาน ได้อย่างยั่งยืน
S1: SYNERGY & INTEGRATION
ผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง!
แน่นอนว่า การแสวงหาพันธมิตรในการผนึกกำลัง (Synergy) เพื่อร่วมสร้างโอกาสในการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง คือหนึ่งในหัวใจสำคัญของความยั่งยืน และนั่นก็เป็นสิ่งที่ GPSC มุ่งมั่นทำมาโดยตลอด
ตัวอย่างความสำเร็จที่ผ่านมาซึ่งปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ก็อย่างเช่น การเข้าซื้อกิจการของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ซึ่งส่งผลให้ GPSC เติบโตแบบก้าวกระโดด เพิ่มกระแสเงินสด และมีความพร้อมสำหรับการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ใช่แต่เพียงเท่านั้น GPSC ยังได้จัดทำโครงการต่างๆ (Synergy Initiatives) ตามแผนงานการสร้างมูลค่าร่วมส่วนเพิ่มจากการควบรวมกิจการ ซึ่งทำให้สามารถบริหารทรัพย์สินทั้งหมดเชิงบูรณาการ มีเอกภาพ คล่องตัว เข้มแข็ง พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงและแผนขยายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงปรับปรุงผลประกอบการให้สูงขึ้นตามมาด้วย
ทั้งนี้ ในปีนี้ GPSC คาดว่ามูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการกับ GLOW จะสูงกว่า 500 ล้านบาท และคาดว่ามูลค่า Synergy จะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 1,600 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2567
S2: SELECTIVE GROWTH
พร้อมรุกตลาด “พลังงานหมุนเวียน”
ต้องยอมรับว่า ในช่วง 10 ปีมานี้ทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าได้มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แวดวงผู้ผลิตไฟฟ้าต่างมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ GPSC จึงมีความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจและเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี พ.ศ. 2568 GPSC จะมีสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 11%
และเมื่อเดือน พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา GPSC และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงแผนงานที่จะร่วมกันขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ผ่านบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล พาวเวอร์ จำกัด (GRP) ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การลงทุนประเภทธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar energy) และพลังงานลม (Wind energy)
โดยมีความมุ่งหวังว่าความร่วมมือในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนครั้งนี้จะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ และโอกาสในการขยายโครงการใหม่ๆ ในระดับสากล รวมทั้งส่งผลให้ GPSC สามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
S3: S-CURVE
ขยายการเติบโตอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันการมองหาธุรกิจที่เป็น New S-Curve เป็นสิ่งที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ และสำหรับ GPSC ก็มุ่งเน้นดำเนินการด้านนี้เช่นเดียวกันด้วยการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจในรูปแบบ New S-Curve เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจพลังงานและธุรกิจไฟฟ้าในอนาคต และเป็นผู้นำด้าน Energy Solution Provider ของกลุ่ม ปตท.
โดยที่ผ่านมา GPSC ได้มีผลงานที่เป็น New S-Curve ปรากฏเด่นชัดแล้ว จากการพัฒนาธุรกิจใหม่ 3 ส่วน ประกอบด้วย
1. Battery Business
GPSC ลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ต้นแบบ Semi Solid แห่งแรกของประเทศไทย โดยกำลังการผลิตเฟสแรกที่ 30 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะได้ First battery cell ในอีกไม่นานจากนี้ อีกทั้ง GPSC ได้มีการประสานงานกับหลายภาคส่วนในการทำตลาด ทั้งในส่วน Mobility และ Stationary ซึ่งจะรองรับการใช้งานรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV Bus) สถานีอัดประจุไฟฟ้า และการประยุกต์ใช้งานด้านอื่นๆ เป็นต้น
2. Energy Storage & System Integration
เรียกว่าคืบหน้าไปมากแล้ว สำหรับการพัฒนาธุรกิจการเป็นผู้ให้บริการระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Storage System : ESS) ซึ่งใช้ในการควบคุมการจัดเก็บและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
• โดยปัจจุบัน GPSC ได้ดำเนินการโครงการต่างๆ เช่น การร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC นำระบบ ESS ขนาด 1.5 เมกะวัตต์ชั่วโมง ไปเพิ่มความมั่นคงและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าที่ป้อนให้แก่อาคารสำนักงานและศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีของ GC จังหวัดระยอง, โครงการนำร่องเมืองอัจฉริยะ หรือ “Smart City” ให้กับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หรือ Innovation Platform รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve, โครงการติดตั้งโซลาร์บนหลังคา โซลาร์ลอยน้ำ ม.เทคโนโลยีสุรนารี ผสานนวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้า รวม 6 เมกะวัตต์, โครงการนำร่องร่วมกับกลุ่ม ปตท.ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดลอยน้ำทะเล (Floating Solar) ขนาด 100 กิโลวัตต์ ในพื้นที่บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เป็นต้น
3. Smart Energy Management
มุ่งเน้นศึกษา วิเคราะห์ คัดเลือกเทคโนโลยีในการบริหารจัดการพลังงานที่เหมาะสมกับตลาด New Energy เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อเดือน ส.ค. 2563 ที่ผ่านมาทาง ปตท.ได้ปรับพอร์ตการลงทุนโดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน GPSC เพิ่ม 8.91% ส่งผลให้ ปตท.มีสัดส่วนถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 31.72% ขณะที่ GPSC ก็ได้มีการรีแบรนด์ตัวเองเพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมพลังงาน สร้างนวัตกรรมรองรับการเติบโตของธุรกิจและการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามแผน New S-Curve ต่อไป
สุดท้ายแล้ว นี่คือการพลิกโฉมธุรกิจไฟฟ้าครั้งสำคัญของไทย สำหรับการ Synergy ระหว่าง GPSC กับ ปตท.ที่จะเพิ่มศักยภาพให้ GPSC เป็น Power Flagship ของกลุ่ม ปตท. ด้วยจุดแข็งจากแบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ซึ่งเตรียมนับถอยหลังเปิดตัวในเร็ววันนี้
โดยทั้งหมดก็เพื่อจะตอบโจทย์แผนธุรกิจของ GPSC และผลักดันให้ ปตท.บรรลุเป้าหมายการขยายพลังงานหมุนเวียน 8,000 เมกะวัตต์ภายในปี พ.ศ. 2573 สร้างความร่วมมือในการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและครบวงจร
