xs
xsm
sm
md
lg

“มากุโระ” ปรับเกมรบฝ่าโควิด ลุยธุรกิจฆ่าเชื้อ-ดีลิเวอรี่โคเรียฟูด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน360- เปิดแนวทางการปรับตัวของ “มากุโระ” เชนร้านอาหารญี่ปุ่น ฝ่าวิกฤติโควิด กระหน่ำ แตกไลน์ธุรกิจปั้น เซฟโซน พ่นฉีดยาฆ่าเชื้อ ลุยดีลิเวอรี่อาหารเกาหลี เตรียมแผนการเงินรองรับ ไม่ปลดคน

นายรณกาจ ชินสำราญ กรรมการบริหาร บริษัท มากุโระ จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียม มากุโระ (MAGURO) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก2563ที่ผ่านมา ที่เกิดสถานการณ์โควิด-19ระบาดทั่วโลกอย่างรุนแรงรวมทั้งในไทยด้วย บริษัทฯต้องทำการปรับตัวปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นใหม่ เพื่อให้สามารถประคองธุรกิจให้ผ่านไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่หนักที่สุดคือ ช่วงของการล็อกดาวน์ที่ภาวะทุกอย่างในประเทศแทบจะหยุดชะงักหมดทุกอย่างเกือบ 3 เดือน (มีนาคม – พฤษภาคม) 

“ตอนนั้นที่บริษัทฯไม่มีการปรับลดจำนวนพนักงานลง และเราเองก็ต้องหากระแสเงินสดมาสำรองไว้ในการใช้จ่ายประมาณ 9-12 เดือน เพราะเรายังมีต้นทุนค่าใช้จ่ายอยู่ต่อเนื่อง มีการประชุมกันบ่อยมาก และปรับแผนกันตลอด ติดตามสถานการณ์โควิดอย่า่งใกล้ชิด แม้ว่าตอนนี้ร้านอาหารจะเปิดบริการได้แล้ว แต่เราก็ยังต้องใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยและคุมเข้มเรื่องคุณภาพอาหารเหมือนเดิมเพราะนี่คือจุดเด่นของเรา เมื่อตอนเริ่มกลับมาเปิดร้านอาหาร ยอดขายก็ค่อยๆกลับมาสู่ระดับเดิม จาก 50% เป็น 70% เป็น 90% และปกติ” นายรณกาจ กล่าว


โดยบริษัทฯได้ขยายไลน์ธุรกิจใหม่ด้วยการเปิดตัว เซฟโซน (Safe Zone) เมื่อช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นบริการฉีดพ่นทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดโควิด-19 โดยมีการโยกทีมงานบางส่วนมาทำงานบริการใหม่นี้จากทั้งหมดที่มีกว่า 300 คน ซึ่งปรากฎว่าได้รับการตอบรับอย่างดี แม้ว่ารายได้จะไม่มากพอทดแทนกับรายได้หลักจากธุรกิจอาหารที่ขาดหายไปจากการปิดร้านอาหารก็ตาม อย่างน้อยธุรกิจก็มีงานต่อเนื่องแม้ว่าช่วงนี้จะซาลงกว่าช่วงแรกก็ตาม 

ส่วนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยมแบรนด์มากุโระนั้น ในช่วงล็อกดาวน์ที่ต้องปิดร้านทำให้ต้องปรับตัวด้วยการเปิดบริการดีลิเวอรี่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ชื่อว่า ซัมธิง ทูเกทเธอร์ (Something Together) เป็นบริการดีลิเวอรี่อาหารเกาหลี ปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นกันจากผู้บริโภค เพราะเราเน้นอาหารที่มีวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพแต่ราคาไม่ได้สํูงเกินไป ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งก็ยังต้องการทานอาหารที่มีคุณภาพ รวดเร็ว ไม่ได้ต้องการอาหาารที่เน่้นการทำโปรโมชั่นด้านราคาถูกแต่รสชาติไม่ดีไม่อร่อยเท่าที่ควร ซึ่งเราเข้ามาตอบสนองความต้องการตรงนี้ได้ตรงจุด และทำดีลิเวอรี่อาหารเกาหลีเพราะจะง่ายและควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าอาหารญี่ปุ่น
ดีลิเวอรี่ของรามีต้นทุนที่อาจจะไม่สูงมากนัก เพราะเราใช้ครัวของร้านมากุโระเดิมที่ช่วงปิดล็อกด่าวน์มาทำครัวแทน ซึ่งอาหารของเรามีคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล ทำให้ยอดขายค่อยๆเติยโตขึ้นมาเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายประมาณ 1 - 1.5 ล้านบาทต่อเดือนในช่วงแรกๆ แต่ระยะยาวเราคาดว่าน่าจะไปได้ดีอีก น่าจะมียอดขายรวม 3 ล้านบาทนต่อเดือนได้เป็นอย่างต่ำ โดยมียอดออร์เดอร์ต่อบิลประมาษ 300-500บาทต่อคนต่อบิล


ทั้งนี้ร้านมากุโระเดิมมี 8 สาขา และสามารถทำบริการดีลิเวอรี่ซัมธิงทูเกทเธอร์ดีลิเวอรี่ได้ 6 สาขา เพราะเป็นสาขาที่อู่ํในพื้นที่ที่เหมาะสมให้บริการได้ ส่วนอีก 2 สาขาคือ พระรามสามกับราชพฤกษ์ ไม่ได้ทำ โดยมีพันธมิตรคือ แกร็บกับไลน์แมนดลิเวอรี่
ส่วนแผนการขยายสาขาใหม่นั้นยังคงมีต่อเนื่องเพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งและเป็นการสร้างศักยภาพโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับองค์กร แต่การลงทุนนั้นจากนี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ระมัดระวังและมั่นใจมากขึ้นและต้องเข้มงวดกับเงื่อนไขที่มากขึ้นด้วย เพราะเราไม่รู้ว่า โควิด จะอยู่กับเรานานอีกแค่ไหน โดยภายในปีนี้จะมีเพิ่มอีก 1 สาขา เปิดในคอมมูนิตี้มอลล์ในกรุงเทพ ซึ่งปกติจะลงทุนประมาณ 10 ล้านกว่าบาทต่อสาขา 

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดบริการร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ใหม่อีกแบรนด์คือ ซูชิโยชิ เป็นแบรด์ซูชิที่ีจับกลุ่มตลาดพรีเมียม เป็นการร่วมทุนกับเชฟญี่ปุ่นแต่เพราะติดสถานการณ์โควิดจึงยังไม่ได้ทำเต็มที่ รวมทั้งที่่ผ่านมาได้ทดลองตลาดด้วยการทำเครื่องดื่มเป็นนมของเราเองชื่อว่า Harajuku Strawberry Milk นมสตรอว์เบอร์รี่พร้อมทาน วางขายในร้านเราช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

“ปี2563 นี้คาดว่ายอดขายรายได้รวมจะตกลงไปประมาณ 25-30% จากปีที่แล้ว ที่มีรายได้รวมประมาณ 468 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตกลงเพราะสถานการณ์โควิดและภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีเป็นหลักกระทบกับทุกคนเหมือนกันหมดทุกราย แต่ก็ยังดีที่เราเองสามารถปรับตัวรองรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันและเหมาะสม ทำให้เรายังอยู่ในสภาวะที่ดี ซึ่งแต่เดิมธุรกิจเราจะมีรายได้เติบโตมา2หลักตลอดตั้งแต่ทำมาประมาณ 5-6 ปีแล้ว ซึ่งหากนับตั้งแต่ปีแรกที่ทำจนถึงปีที่แล้ว2562เราเติบโตมาถึง 18 เท่าแล้ว” นายรณกาจ กล่าว














กำลังโหลดความคิดเห็น