xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนลุ้น ก.แรงงานเคาะลดหย่อนส่งเงินสมทบประกันสังคมรับปีใหม่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส.อ.ท.” เสนอกระทรวงแรงงานเร่งเครื่อง ศก.ปี 2564 ลดหย่อนหักเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 1% เป็นเวลา 3 เดือนหรือมีผล 1 ม.ค.-มี.ค. 64 เพื่อรักษาระดับจ้างงาน ชี้ ศก.แม้จะฟื้นแต่ไม่ได้มากนักหากไม่ดูแลแรงงานอาจตกงานเพิ่มขึ้น หลังมาตรการลดหย่อนหักเงินส่งประกันสังคมเหลือ 2% สิ้นสุดเมื่อ พ.ย. ขณะที่สภานายจ้างขอให้ต่ออายุมาตรการดังกล่าวออกไปอีก 6 เดือน หรือสิ้นสุด มิ.ย. 64 เพื่อประคองการจ้างงานโดยเฉพาะเอสเอ็มอี

นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานและประธานคณะอนุกรรมการมาตรการแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ส.อ.ท.ได้หารือร่วมกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อเสนอแนวทางการพิจารณาลดหย่อนการออกเงินสมทบประกันสังคมของนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้เหลือฝ่ายละ 1% เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยหากเป็นไปได้ขอให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2564 ทั้งนี้เพื่อรักษาระดับการจ้างงานและทำให้กระตุ้นการใช้จ่าย

“เรามองว่าทิศทางเศรษฐกิจแม้ว่าจะเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นแต่ก็ยังไม่มากนัก นายจ้างเองหลายส่วนก็ยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ ขณะที่รัฐบาลก็ต้องการรักษาระดับการจ้างงานเอาไว้ เราจึงเห็นว่าควรที่จะพิจารณาประเด็นดังกล่าวจากเดิมก่อนหน้าคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนสำหรับผู้ประกันตน มาตรา 33 ให้เหลือฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตน 3 เดือนซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อ พ.ย.นี้” นายสุชาติกล่าว

ปัจจุบันพบว่าในระบบประกันสังคมพบมีผู้ตกงานประมาณ 7.9 แสนคน แต่แนวโน้มมีโอกาสสูงที่จะก้าวไปสู่ระดับ 2.5 ล้านคนได้ในอนาคตเนื่องจากผู้ที่หยุดงานชั่วคราวในเวลานี้อาจกลายเป็นผู้ว่างงานหรือไม่มีงานทำ เพื่อช่วยลดภาระนายจ้าง รัฐบาลควรจะต้องหามาตรการในการช่วยเหลือ เพราะหากนายจ้างไม่สามารถอยู่รอดสุดท้ายก็ไม่สามารถจ้างงานได้อยู่ดี

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า สภาองค์การนายจ้างฯ ได้เสนอกระทรวงแรงงาน โดยขอให้พิจารณาต่ออายุมาตรการลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้เหลือฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตนที่ได้สิ้นสุดเดือน พ.ย.ต่อไปอีก 6 เดือน ซึ่งหากเริ่ม 1 ม.ค.ก็จะไปสิ้นสุด มิ.ย. 64 หรือจะลดหย่อนมากกว่านี้ได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี

“ครม.เมื่อ 1 ก.ย.ได้เห็นชอบลดอัตราส่งเงินสมทบประกันสังคมจากเดิมนายจ้างและลูกจ้างต้องจ่ายสมทบฝ่ายละ 5% เหลือ 2% มีผล ก.ย.-พ.ย. 63 และขณะนี้มาตรการได้สิ้นสุดลง สภาองค์การนายจ้างฯ ได้เสนอให้ต่ออายุออกไปอีก 6 เดือนเพราะเห็นว่าจะช่วยกระตุ้น ศก.อีกทางและลดรายจ่ายนายจ้าง ซึ่งหากรัฐไม่พิจารณาข้อเสนอแล้วกลับไปใช้อัตรา 5% จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่สภาพคล่องไม่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งลำบากที่สุดเป็นความเปราะบางในการดำเนินธุรกิจต่อได้ยาก และที่สุดก็คงไม่อาจจ้างงานได้ต่อไป” นายธนิตกล่าว

ปัจจุบันผู้ประกันตน ม.33 มีประมาณ 11.3 ล้านรายการที่รัฐลดหย่อนอัตราเหลือ 2% ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนหนึ่งลูกจ้างนำเงินที่ได้ไปจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น รัฐเองก็มีรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่ากองทุนประกันสังคมอาจจะกังวลว่าเงินในระบบประกันสังคมจะไม่เพียงพอในอนาคต ซึ่งกรณีดังกล่าวสามารถบริหารจัดการได้เพราะพบว่าแรงงานที่ยังไม่เข้าระบบที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมมีอีกถึง 11 ล้านคน หากดึงส่วนนี้มาสู่ระบบได้ก็จะเพิ่มวงเงิน หรือเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นรัฐก็อาจเพิ่มวงเงินจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน แต่ช่วงวิกฤตก็ควรจะลดหย่อนเพื่อให้ ศก.ขับเคลื่อนไปข้างหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น