BAFS ทุ่ม 1.7 พันล้านบาทซื้อ 3 บริษัทในเครือผาแดงที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าโซลาร์รวม 36.5 เมกะวัตต์ คาดปี 64 สร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (ครั้งพิเศษ) เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 1/2564 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ก.พ. 2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (BC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100% ใน 3 บริษัทซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ บมจ.ผาแดงอินดัสทรี (PDI) มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1,704.67 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/64
สำหรับ 3 บริษัทในกลุ่ม PDI ดังกล่าว ประกอบด้วย 1. บริษัท เอ ที ซี เอ็นไวโร จำกัด (ATCE) ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 5 โครงการใน จ.ปราจีนบุรี และสมุทรสาคร กำลังผลิตติดตั้งรวมจำนวน 29 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งปัจจุบันเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว
2. บริษัท พีดีไอ แม่ระมาด จำกัด (PDIMR) ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใน จ.ตาก มีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน 6.3 เมกะวัตต์ ใน จ.ตาก ปัจจุบัน COD แล้ว และ 3. บริษัท พี.พี.โซล่า (หนองโน) จำกัด (PPS) ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใน จ.ขอนแก่น มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1.1024 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน COD แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทจะให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่ BC ในการเข้าทำธุรกรรมการซื้อหุ้น โดยบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในของบริษัท และ/หรือ จะจัดหาแหล่งเงินทุนต่างๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม เช่น การจัดหาสินเชื่อเงินกู้จากสถาบันการเงิน
การเข้าลงทุนจะทำให้สามารถขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจของบริษัทในกลุ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงอันจะส่งผลให้บริษัทได้รับรายได้และกระแสเงินสดที่มีความแน่นอนและช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินภายใต้สถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้หลักของบริษัทซึ่งมาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเชื้อเพลิงฟอสซิล
นายประกอบเกียรติกล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นทั้ง 3 บริษัทส่งผลให้บริษัทได้มาซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 36.4 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว การลงทุนในครั้งนี้จึงสามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ปีแรกของการซื้อกิจการ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้รวมในปี 64 ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ โดยบริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและความรู้ของพนักงานที่มีประสบการณ์และมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ (O&M) ในธุรกิจพลังงานมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะลดความเสี่ยงด้านอุปสรรคการทำงานหลังการเข้าซื้อกิจการ รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งภายในองค์กร ตลอดจนการพัฒนาและขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของบริษัทในการขยายธุรกิจไปยังพลังงานหมุนเวียน ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่กลุ่มบริษัท ยังสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์หลักและบรรษัทภิบาลของกลุ่มบริษัทที่มุ่งเน้นการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยหลังจากนี้ บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ได้เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศในช่วง 5 ปีข้างหน้า
บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ด้วยทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดยมี BAFS ถือหุ้น 100% ประกอบธุรกิจลงทุนหรือร่วมทุนในโครงการพลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงให้บริการด้านการบริหาร ให้บริการด้านเทคนิค ให้บริการด้านการบริหารเงิน และให้บริการสนับสนุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม