SPCG จับมือพีอีเอเอ็นคอมฯ ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ในพื้นที่เมืองใหม่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มูลค่าลงทุนไม่เกิน 23,000 ล้านบาท คาดลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายใน พ.ย.นี้ เริ่มก่อสร้างในปีหน้าและแล้วเสร็จในปี 2569 โดย SPCG เตรียมเพิ่มทุน 179.2 ล้านหุ้น เสนอขายให้นักลงทุนในวงจำกัด (PP) รวมถึงมีแผนจะออกตราสารหนี้ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท
นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563 เห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในพื้นที่เมืองใหม่ EEC กำลังการผลิตไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 23,000 ล้านบาท ผ่านบริษัท เซท เอนเนอยี จำกัด (SET Energy) เพื่อขับเคลื่อนให้พื้นที่ EEC ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ(Low Carbon Society) เป็นเมืองพลังงานสะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) รวมถึงช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
นอกจากนี้ การเข้าลงทุนในโครงการจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้และกระแสเงินสดของบริษัท ขณะที่การลงทุนจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อ SET Energy เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ PEA ENCOM ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2563 และบริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 15 มกราคม 2564
ปัจจุบัน SET Energy มีผู้ถือหุ้นประกอบด้วย SPCG สัดส่วน 40% , บริษัท มิตซู เพาเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (Mitsu) ถือหุ้น 40% และ PEA ENCOM ถือหุ้น 20% ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ บริษัทจะเข้ารับโอนกิจการทั้งหมดของ Mitsu ซึ่งถือหุ้นใน SET Energy โดยบริษัทจะออกหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 81.8 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ Mitsu เพื่อชำระมูลค่ากิจการทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,799.6 ล้านบาท โดยการดำเนินการคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2564 ซึ่งจะทำให้บริษัทถือหุ้นใน SET Energy เพิ่มเป็น 80% และ PEA ENCOM ยังคงถือสัดส่วน 20%
ทั้งนี้ SPCG จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,153.19 ล้านบาท จากเดิม 973.99 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 179.2 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท จัดสรรให้กับ Mitsu จำนวน 81.8 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 22 บาท เพื่อชำระมูลค่ากิจการทั้งหมดของ Mitsu ใน SET Energy และหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือไม่เกิน 97.4 ล้านหุ้น จะเสนอขายให้ PP เพื่อสนับสนุนความสามารถทางการเงินในการพัฒนาโครงการโซลาร์ใหม่ และเสริมสร้างความสามารถ ในการบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการโซลาร์ฟาร์มดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะเริ่มดำเนินการตามแผนการลงทุนภายในปี 2564 และจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2564 โดยจะลงทุนตามปริมาณความต้องการการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่เมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ และพื้นที่ 5 ตำบลในเขตอำเภอบางละมุง โดยคาดการณ์ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์รวมอย่างน้อย 300 เมกะวัตต์ภายในปี 2565 และจะพิจารณาการลงทุนเพิ่มกำลังผลิตติดตั้งอีก 200 เมกะวัตต์ ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณใช้ไฟฟ้าที่คาดการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569
โครงการจะผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ PEA ENCOM ทั้งหมด โดย PEA ENCOM จะมีการจำหน่ายไฟฟ้าต่อให้กับ กฟภ.ภายใต้อัตราค่าไฟฟ้าและเงื่อนไขที่สอดคล้องกัน โดยมีอัตราค่าไฟฟ้าที่ PEA ENCOM รับซื้อจากโครงการ อ้างอิงตามอัตราค่าไฟฟ้าขายส่งที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำหน่ายให้กฟภ. ตามระดับแรงดันไฟฟ้าที่เชื่อมต่อจริง และรูปแบบการก่อสร้างของโครงการ จะเป็นแบบการกระจายตามพื้นที่ (Distributed Generation) ในพื้นที่เขต EEC เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการของระบบไฟฟ้าสามารถดำเนินการได้ง่ายขั้น และสร้างความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้ามากขึ้น
แหล่งเงินลงทุนที่ใช้ในโครงการ โดยหลักคาดว่าจะมาจากเงินกู้โดย SET Energy ในรูปแบบเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน (Project Finance) ไม่เกิน 17,250 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในส่วนที่บริษัทจะเพิ่มทุนใน SET Energy ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นของ SET Energy ในสัดส่วน 80% ภายหลังการรับโอนกิจการทั้งหมดของ Mitsu บริษัทจะพิจารณาการออกและเสนอขายตราสารหนี้ เช่น การออกหุ้นกู้ จำนวนไม่เกิน 5,000 ล้านบาทหรือใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินการของบริษัทในอนาคต นอกจากนี้บริษัทอาจพิจารณาจัดหาเงินกู้ระยะสั้น (Bridge Loan) ให้กับ SET Energy เพื่อดำเนินการซื้อที่ดินที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาโครงการก่อนการได้รับ Project Finance