อมตะฯ เผยปีนี้ยอดตั้งโรงงานใหม่ในนิคมฯ หดเหลือแค่ 10 กว่าโรง จากปกติเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30-40 โรง ส่อแววยอดขายที่ดินในนิคมฯ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 950 ไร่ พร้อมตั้งเป้าบริษัทย่อย “โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส” ใน 5 ปีข้างหน้า มีรายได้โตขึ้น 10 เท่าอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีโรงงานตั้งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะในไทยประมาณ 10 กว่าโรงงาน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติในแต่ละปีที่จะมีการตั้งโรงงานใหม่ราว 30-40 โรงงาน เนื่องจากปีนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการตัดสินใจลงทุนในไทย จึงอยากเรียกร้องให้รัฐลดระยะเวลาการกักตัวลงต่ำกว่า 14 วัน
ในปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าสถานการณ์คงไม่แย่ไปกว่าปีนี้หากมีการค้นพบวัคซีน ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศกลับมาเพิ่มขึ้น ปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากช่วงการระบาดโควิด-19 มีการใช้กำลังการผลิตเพียง 20-30% แต่ปัจจุบันฟื้นตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 60-80% ของกำลังการผลิตแล้ว
ก่อนหน้านี้ อมตะฯ เคยตั้งเป้ายอดขายที่ดินนิคมฯ ในปี 2563 อยู่ที่ 950 ไร่ โดยช่วง 6 เดือนแรกปี 2563 มีการขายที่ดินได้เพียง 116 ไร่ โดยคาดหวังว่ารัฐจะผ่อนคลายมาตรการกักตัวนักลงทุนต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยลงในช่วงไตรมาส 4 นี้ แต่ปัจจุบันรัฐก็ยังไม่ได้ปรับลดการกักตัวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยแต่อย่างใด ทำให้แนวโน้มยอดขายที่ดินในนิคมฯ อมตะในปีนี้จะต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมาย
ด้านนายอาร์โนด์ เบียเลคกิ ประธานบริหาร บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย จำกัด บริษัทที่ให้บริการแบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัดจัดตั้งบริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด เมื่อปี 2558 เพื่อให้บริการการบริหารจัดการอาคาร การดูแลซ่อมบำรุง บริการด้านการรักษาความปลอดภัย ความสะอาดให้แก่บริษัทในและนอกนิคมฯ อมตะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี โดยได้จัดตั้ง Amata Command Center (ACC) เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการพื้นที่ภายในนิคมฯ ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยจุดเด่นของการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าในนิคมฯ เป็นอย่างดี โดยปี 2564 จะอัปเดตการให้บริการในด้านต่างๆ ให้ทันสมัยและมีคุณภาพเพิ่มขึ้นไป อาทิ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปขนาดเล็ก, การเชื่อมต่อระบบเตือนอัคคีภัย และการเชื่อมต่อระบบ AED Monitoring ไปยังACC
โดยบริษัทมีเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นจำนวน 750 ราย จากปีนี้มีลูกค้าอยู่ที่ 117 ราย สร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2563 อยู่ที่ 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาท หรือโตขึ้นราว 10 เท่าภายในปี 2568