เอสซีจีเปิดเวที SD Symposium 2020 Circular Economy : Actions for Sustainable Future รวมพลังคนต่างวัยจากหลายมุมมองทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรระดับโลก ภาคการเกษตร ธุรกิจ SME และเยาวชนคนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในแบบตัวเองสู่เป้าหมายความยั่งยืนของโลกร่วมกัน
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า สภาพสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของประชากรโลกที่ส่งผลต่อทรัพยากร รวมถึงในช่วงต้นปีที่โลกเจอปัญหา COVID-19 ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมแบบ New-Normal มีการใช้สิ่งของที่ก่อให้เกิดขยะมากขึ้น Circular Economy หรือแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงเป็นทางออกหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม
เอสซีจี ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม มองเห็นความจำเป็นในการชักชวนทุกคนให้มามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน การจัดงาน SD Symposium 2020 มีกลุ่มพันธมิตรที่เข้มแข็งและเติบโตอย่างรวดเร็ว จาก 45 รายในปีที่ผ่านมา เป็น 180 ราย โดยปีนี้ได้นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาเป็นทางออกแก้ปัญหาพื้นฐาน 4 ด้าน ได้แก่ การจัดการน้ำหมุนเวียน เศรษฐกิจหมุนเวียนด้านการเกษตร การบริหารจัดการขยะ และเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาตามโมเดลเศรษฐกิจ หรือ BCG Economy (Bio-Circular-Green Economy) คือการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งชีวภาพ การหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว โดยมีแนวคิดด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรม ด้านการใช้งานและบริโภค ด้านการจัดการขยะหรือของเสีย และด้านการใช้วัตถุดิบรอบสอง
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจากภาคเอกชนร่วมแบ่งปันประสบการณ์และแนวคิดในการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ในธุรกิจเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ Mr. Jacob Duer ประธานกรรมการและผู้บริหาร Alliance to End Plastic Waste (AEPW) กล่าวว่า Alliance to End Plastic Waste หรือพันธมิตรเพื่อยุติขยะพลาสติกที่มีสมาชิกมากกว่า 50 บริษัทเพื่อผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนในการแก้ปัญหาขยะระดับโลก โดยเครือข่ายจะทำงานร่วมกับไทยในโครงการ PPP Plastic เพื่อช่วยจัดการขยะพลาสติกด้วย ขณะที่ Mr. Robert Candelino ผู้บริหาร Unilever Group of Thai Companies and Inland ASEAN กล่าวว่า Unilever นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนปรับใช้กับการทำธุรกิจ โดยมีเป้าหมายภายในปี 2568 จะมีการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ 100% และลดการใช้ Virgin Plastic ลง 50% นอกจากนี้ยังมีเยาวชนต้นแบบ ด.ช.ภูมิ ตันศิริมาศ เยาวชนต้นแบบ นักจัดการขยะรุ่นจิ๋ว ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจเรื่องการจัดการขยะจากหนังสือ “The Story of Stuff” จุดเริ่มต้นของการสร้าง Mission : To Green เพื่อลดการใช้พลาสติกและการจัดการขยะในชีวิตประจำวัน
การจัดงาน SD Symposium 2020 ในปีนี้ยังมีความพิเศษด้วยการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาเป็นทางออกแก้ปัญหาพื้นฐาน 4 ด้าน โดยมีสมาชิกมากกว่า 200 คนร่วมระดมสมองเพื่อเสนอแนวทางแก้ไข
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงแนวคิดเรื่อง “การจัดการน้ำหมุนเวียน” ซึ่งเป็นทางออกสำหรับแก้ปัญหาภัยแล้งเพื่อใช้น้ำต้นทุนที่น้อยให้คุ้มค่า พร้อมเสนอ 2 แนวทาง ได้แก่ การขยายความร่วมมือของภาคเอกชนเพื่อเข้าไปช่วยเหลือชุมชน และการกระตุ้นให้เกิดการขยายผลรวดเร็วขึ้นโดยอาศัยการสนับสนุนของภาครัฐ ขณะที่ นายบุญมี สุระโคตร ประธานเครือข่ายเกษตรแปลงใหญ่ระดับประเทศ มองว่า สิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนภาคการเกษตร คือการพัฒนาเกษตรกรด้วยการเสริมทักษะที่ยังขาด เช่น การนำเศษวัสดุทางการเกษตรไปผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการสร้างเกษตรกรต้นแบบแต่ละตำบล
นางสาวนนทิกานต์ อัศรัสกร นักธุรกิจ Next Gen ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “ลฤก” พวงหรีดเสื่อ มองว่า คนรุ่นใหม่ยังขาดความรู้เรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน หากเปลี่ยนจากมุมมองว่าพลาสติกเป็นขยะ เป็นการนำมาใช้ประโยชน์ซ้ำๆ เช่น รีไซเคิลเพื่อทำเสื่อและต่อยอดเป็นพวงหรีดทำให้ไม่เกิดเป็นขยะหลังการใช้งาน ในส่วนอุตสาหกรรมก่อสร้าง นายประภากร วทานยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด กล่าวว่า โดยทั่วไปขยะจากการก่อสร้างคิดเป็น 20-25% ของวัสดุที่ใช้ การแก้ปัญหาควรเริ่มที่ต้นทางด้วยการออกแบบไม่ให้มีเศษวัสดุเหลือทิ้ง ขณะที่ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างควรมีความรับผิดชอบในผลิตภัณฑ์ของตนเอง ในส่วนของภาครัฐ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ อดีตเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มองว่า เศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องอาศัยการบูรณาการจากทุกภาคส่วน ภาครัฐมีแนวทางสนับสนุนในหลายเรื่อง เช่น มีสิทธิพิเศษทางภาษี ปรับกฎหมายให้มีความสอดคล้อง ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ฯลฯ