AAV ผู้ถือหุ้นใหญ่ “ไทยแอร์เอเชีย” ขาดทุนไตรมาส 3/63 กว่า 1.8 พันล้าน จากผลกระทบโควิด เผยการบินมีสัญญาณฟื้น คาดเปิดฐานการบิน “สุวรรณภูมิ” รัฐขยายเวลาโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นเดินทางไตรมาส 4
บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 มีรายได้รวม 2,403.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาสที่ 2 หรือลดลงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการปรับปริมาณที่นั่งให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงกว่าร้อยละ 50 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการควบคุมค่าใช้จ่ายเข้มงวด
โดยมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ปี 2563 มีการขาดทุนอยู่ที่ 1,836.8 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนขั้นต้นของไตรมาสนี้ฟื้นตัวจากไตรมาสที่แล้ว หนุนจากปริมาณที่นั่งภายในประเทศที่กลับมาให้บริการเกือบจะเท่าก่อนการเเพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) และจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ส่งผลให้สามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากกว่า 1.86 ล้านคน โดยมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 65
พร้อมกันนี้ได้มีการเปิดฐานปฏิบัติการบินใหม่ที่ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้สร้างโอกาสขยายฐานลูกค้ารวมถึงการให้บริการขนส่งสินค้า รักษาความเป็นผู้นำตลาดในประเทศที่เเข็งเเกร่งขึ้น
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 เริ่มได้รับสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะเส้นทางภายในประเทศ ที่ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ กำหนดนโยบายและอัดแคมเปญกระตุ้นการเดินทาง ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชียเริ่มเพิ่มความถี่เที่ยวบินและเปิดให้บริการเส้นทางใหม่ๆ ในเดือนกันยายน 2563
โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียได้กลับมาให้บริการเส้นทางในประเทศคิดเป็นร้อยละ 96 ของปริมาณที่นั่งก่อนการแพร่ระบาด Covid-19
“ในไตรมาสที่ 3 ได้เดินหน้าในการเปิดฐานปฏิบัติการบินใหม่ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้ไทยแอร์เอเชีย เป็นสายการบินเดียวที่ให้บริการบินสะดวกเลือกได้ที่กรุงเทพฯ ใน 2 ท่าอากาศยาน เสริมทัพจากท่าอากาศยานดอนเมือง เเละถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมทั้งเตรียมความพร้อม เมื่อมีนโยบายเปิดประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ สามารถกลับมาให้บริการได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมต่อทั้งกับผู้โดยสารเเละด้านการขนส่งสินค้า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป” นายสันติสุขกล่าว
นายสันติสุขกล่าวว่า คาดว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ปริมาณที่นั่งเส้นทางบินภายในประเทศจะเติบโตมากกว่าก่อนการแพร่ระบาด Covid-19 เป็นผลจากการเปิดฐานปฏิบัติการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเพิ่มเส้นทางการบินในประเทศและความถี่ให้มีมากยิ่งขึ้นสอดคล้องกับปริมาณความต้องการของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นนั้น
อีกทั้งไตรมาสที่ 4 นั้น เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว การเดินทางมีเเนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการที่รัฐบาลขยายเวลาโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม ปี 2564
รวมทั้งการเริ่มมีนโยบายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในโครงการ Special Tourist Visa (STV) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพำนักและท่องเที่ยวในประเทศไทยระยะยาว โดยมองว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวดังกล่าวถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและพร้อมตอบรับกับมาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ รัฐบาลประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นจาก 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร จนถึง 30 เมษายน ปี 2564 เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการสายการบิน
ซึ่ง แอร์เอเชียยังปรับตัวอย่างต่อเนื่อง มีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นมากกว่าสายการบิน โดยล่าสุดได้เปิดตัวสุดยอดแอปพลิเคชันของอาเซียน airasia.com ที่จะเข้ามาสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมทั้งการเดินทาง ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และฟินเทค ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างเสถียรภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืน