กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเผยปีงบ 2563 ไทยเก็บรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียมกว่า 1.29 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.88% ขณะที่ปริมาณการผลิตปิโตรเลียมลดลง 7.86% โดยเป็นผลกระทบจากโควิด-19 และราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
นายศุภลักษณ์ พาฬอนุรักษ์ โฆษกกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน มีการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐจากการประกอบกิจการปิโตรเลียม ในปีงบประมาณ 2563 (เดือนตุลาคม 2562 - กันยายน 2563) จำนวนรวมทั้งสิ้น 129,932 ล้านบาทโดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในปี 2563 ลดลง 21.88% เมื่อเทียบกับการจัดเก็บรายได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์น้ำมันที่ตกต่ำ
สำหรับการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐแบ่งเป็นค่าภาคหลวง จำนวน 38,725 ล้านบาท เงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ จำนวน 15 ล้านบาท รายได้จากองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย จำนวน 12,903 ล้านบาท ค่าตอบแทนการต่อระยะเวลาการผลิต จำนวน 7,050 ล้านบาท รวมถึงภาษีเงินได้ปิโตรเลียมซึ่งจัดเก็บโดยกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง จำนวน 71,239 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงปีงบประมาณ 2563 มีสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศที่ดำเนินการอยู่ 38 สัมปทาน 48 แปลงสำรวจ โดยแบ่งเป็นแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย 29 แปลง และแปลงสำรวจบนบก 19 แปลง โดยมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมทั้งก๊าซธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเหลว และน้ำมันดิบ คิดเป็นปริมาณรวมอยู่ที่ 275.66 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งลดลง 7.86% เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562
“การจัดเก็บรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียมและปริมาณการผลิตปิโตรเลียมที่ลดลง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกประเภททั่วโลก” นายศุภลักษณ์กล่าว