ผู้จัดการรายวัน 360 - แม็กกี้ ซอสปรุงรส เผยโฉมธุรกิจใหม่ MAGGI Kitchen ลงสนามข้าวกล่องบุกตลาดฟูดดีลิเวอรี เล็งเห็นช่องทางขยายแบรนด์และเพิ่มยอดขาย จับไลฟ์สไตล์วิถีใหม่ของคนเมือง โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศและคุณแม่ยุคใหม่ที่ไม่มีเวลาทำอาหาร รังสรรค์เมนูโดย เชฟกิ๊ก-กมล ชอบดีงาม แชมป์รายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย
นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร และเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประจำภูมิภาคอินโดไชน่า กล่าวว่า “ตลอดเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมาแม็กกี้ได้สร้างความทรงจำที่ดีผ่านมื้ออาหารให้แก่คนไทย แม็กกี้ให้ความสำคัญต่ออาหารและคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค เราจึงมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมผู้บริโภคให้ปรุงอาหารให้อร่อย สด ใหม่ สะอาด พร้อมรับประทานในทุกวัน
แต่ด้วยไลฟ์สไตล์วิถีใหม่ของคนเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปและมีความท้าทายเรื่องข้อจำกัดของเวลา วันนี้ แม็กกี้จึงขอนำเสนอประสบการณ์ความอร่อยพร้อมเสิร์ฟผ่าน MAGGI Kitchen เพื่อส่งต่ออาหารที่อร่อยและมีคุณภาพถึงมือผู้บริโภค โดยเราได้รับเกียรติจากเชฟกิ๊ก กมล ชอบดีงาม มารังสรรค์เมนูสุดพิเศษ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความรักในการปรุงอาหารสไตล์ไทย-จีน ให้คนเมืองได้ลิ้มรสกัน”
วิถีชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไปส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคของคนเมืองเปลี่ยนไปจากเดิม เลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตัวเอง และหันมาใส่ใจสุขภาพโดยเฉพาะอาหารการกินมากขึ้น ปัจจัยเรื่องความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการเข้าถึงสินค้าและบริการมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจ สอดคล้องไปกับทิศทางธุรกิจฟูดดีลิเวอรีที่เติบโตพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยมีอัตราเฉลี่ยกว่า 140,000 ดีลิเวอรีต่อวัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตถึง 5 หมื่นล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า
ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดในสมรภูมิฟูดดีลิเวอรีที่มีมูลค่าการตลาดกว่า 35,000 ล้านบาทในปัจจุบัน แม็กกี้จึงได้ลงทุนกว่า 10 ล้านบาทเพื่อเปิดตัว MAGGI Kitchen เป็นบริการดีลิเวอรีอาหารสาขาแรกที่เดอะมาร์เก็ตแบงค็อก เพื่อบริการลูกค้า เช่น กลุ่มอาคารสำนักงาน คนชอปปิ้ง เบื้องต้น MAGGI Kitchen จะให้บริการผ่านฟูดแอปพลิเคชันชื่อดัง เช่น Grab Food, Food Panda, LINE MAN Wongnai และ Gojek โดยมีครัวหรือจุดบริการอยู่ที่ The Market และให้บริการในรัศมี 8 กิโลเมตร
สำหรับแผนพัฒนาธุรกิจ จะเริ่มจากการสร้างกระแสความรับรู้ โดยเน้นกลุ่มคนเมืองในบริเวณพื้นที่ที่ให้บริการผ่าน Official Instagram account @MAGGI_Kitchen_Thailand, สื่อโฆษณาทางออนไลน์ และต่อยอดคอนเทนต์มาร์เกตติ้งผ่านอินฟลูเอนเซอร์
การเปิดครัว MAGGI Kitchen ในครั้งนี้มีเมนูให้เลือกสรรทั้งสิ้น 16 เมนู ราคาเริ่มต้นเพียง 89 บาท ซึ่งได้รับการคิดค้นและกำกับดูแลโดยเชฟกิ๊ก-กมล ชอบดีงาม เซเลบริตีเชฟฝีมือดีระดับแชมป์ที่ร่วมงานกับแม็กกี้มาตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แม็กกี้เล็งเห็นว่าเชฟกิ๊กสามารถถ่ายทอดเรื่องราวและความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับอาหาร ผ่านรสชาติอันโดดเด่นที่ปรุงด้วยซอสแม็กกี้ เมนูของ MAGGI Kitchen ประกอบไปด้วยเมนู 2 ประเภท คือ MAGGI Kitchen Signature จำนวน 6 เมนู ที่ผ่านการคิดค้นโดยทีมเชฟจากแม็กกี้ มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ เช่น ข้าวหมูคาราเมลแม็กกี้, ข้าวไก่อบแม็กกี้ และ MAGGI Kitchen x Chef Gigg จำนวน 10 เมนู ที่ร่วมคิดค้นโดยเชฟกิ๊ก มีความผสมผสานกันของอาหารไทยและอาหารจีน เช่น ผัดเส้นจันท์อนุสาวรีย์, ข้าวผัดน้ำพริกกะปิป้าต้อย และข้าวหน้าสตูลิ้นวัว
นอกจากนี้ แม็กกี้ยังตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและตอบรับนโยบายลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยทุกออเดอร์ของ MAGGI Kitchen จะถูกบรรจุอย่างดีในกล่องอาหารทำจากวัสดุที่ถูกออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ และผู้บริโภคสามารถเลือกปฏิเสธการรับช้อนส้อมในแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการได้
สำหรับเป้าหมายยอดขายสาขาแรกนี้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 300-400 กล่องต่อวัน และเตรียมที่จะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก เปิดกว้างทำเลไม่ว่าจะเป็นตามอาคารสำนักงาน ย่านชุมชนหรือหมู่บ้าน
นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร กล่าวทิ้งท้ายถึง MAGGI Kitchen ว่า “เราดีใจที่วันนี้เราได้มีโอกาสต่อยอดความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารผ่านซอสปรุงรสแม็กกี้ที่หลายๆ คนติดใจมาสู่การเปิดครัว MAGGI Kitchen เราต้องการมอบประสบการณ์ความอร่อยที่มาพร้อมคุณภาพให้ทุกๆ ครั้งที่คุณเปิดกล่องอาหารที่สั่งจาก MAGGI Kitchen คุณจะได้รับประทานอาหารที่สดใหม่เหมือนกับมานั่งรับประทานที่ร้าน เราคาดหวังว่าเมนูที่เราคัดสรรมาจะถูกปากคนเมืองรุ่นใหม่ และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เป็นที่โปรดปรานของหลายๆ คน” พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าการเปิดตัวธุรกิจใหม่ MAGGI Kitchen จะสามารถช่วยขับเคลื่อนภาพรวมยอดขายในช่วงปลายปีของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น แม็กกี้จึงต้องการเข้าไปมีส่วนในตลาดนี้ด้วยการลงทุน 10 ล้านบาท เปิด Maggi Kitchen โมเดลธุรกิจใหม่ดังกล่าว จะทำให้แม็กกี้ไม่ใช่แบรนด์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคภายในบ้านเท่านั้น แต่ตอบโจทย์การสั่งอาหารจากนอกบ้านด้วย หรือถ้ามองเป็นมื้ออาหาร ปกติลูกค้าอาจจะใช้ซอสแม็กกี้ในบ้านเฉพาะมื้อเช้า-มื้อเย็น เมื่อมีอาหารดีลิเวอรีก็จะเข้าถึงมื้อกลางวันเพิ่ม