ผู้จัดการรายวัน 360 - แม็คกรุ๊ปเปิดแผนธุรกิจปี 2564 สร้าง New S-Curve ขยายฐานลูกค้าเป้าหมายเจาะกลุ่มผู้หญิง, มิลเลนเนียล และคนเมือง อัดกลยุทธ์สื่อสารการตลาดแบบส่งตรงเฉพาะกลุ่ม ตั้งเป้าผลักดันรายได้โต 10-12% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ 14-16% ทุ่มงบ 300 ล้านบาท สร้างคลังสินค้าแห่งใหม่
นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MC” กล่าวว่า แม้ปัจจุบันภาคธุรกิจกำลังโดนดิสรัปอย่างหนักจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่นที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท และยีนส์ ซึ่งมีสัดส่วนประะมาณ 15% ยังเติบโตดีต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 3-5%
ในงวดปีบัญชี 2564 (ก.ค. 63-มิ.ย. 64) จะสร้าง New S-Curve ด้วยกลยุทธ์หลัก คือ การขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างมากขึ้น เน้นกลุ่มลูกค้าผู้หญิง, มิลเลนเนียล และคนเมือง โดยเน้นการพัฒนาสินค้าและทำการตลาด เข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการแต่ละกลุ่ม ผ่านกลยุทธ์สื่อสารการตลาดแบบส่งตรงเฉพาะกลุ่ม
บริษัทฯ วางกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 40-50% โดยกลุ่มหลักคืออายุ 20-39 ปี มากถึง 54% คือการขยายประเภทสินค้า และมีดีไซน์ที่หลากหลาย ทั้งเสื้อเชิ้ต เสื้อยืดขายได้มากกว่า 500 ล้านบาท รองเท้าขายได้กว่า 100 ล้านบาท กางเกงยีนส์ขายได้ปีละกว่า 2 ล้านชิ้น เสื้อฮูดี้ขายได้กว่า 300 ล้านบาท หมวก ถุงมือ หน้ากากผ้า ผ้ากันเปื้อน กางเกงเล เป็นต้น และสร้าง “Product Hero” ผ่านความร่วมมือระหว่างแบรนด์มากขึ้น และการเชื่อมต่อออฟไลน์-ออนไลน์ ขณะที่ผู้ชายเป็นกลุ่มหลักขณะนี้มากกว่า 60%
รวมถึงให้ความสำคัญต่อช่องทางการขาย Omni-Channel กว่า 600 จุดขาย ที่ผลักดันศักยภาพของพนักงานขายกว่า 1,000 คนให้สามารถขายทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ได้ ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายออนไลน์เติบโตกว่า 61% ในงวดปีบัญชี 2563 และยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายเติบโต 15% และจะมีสัดส่วนรายได้ 15% ภายใน 2 ปีจากนี้หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองประสบการณ์ชอปปิ้งของกลุ่มมิลเลนเนียล จึงเตรียม Collaboration กับพันธมิตรที่มิลเลนเนียลชื่นชอบและติดตาม เพื่อพัฒนาสินค้าร่วมกัน เน้นสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียด้วย Influencer และสำหรับกลุ่มคนเมือง อยู่ระหว่างการเจรจาจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partnership) ขยายกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องแต่งกาย
นอกจากนั้นยังปรับโฉมร้านออฟไลน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ (New Concept Store) รวมกว่า 20 จุดขายทั่วประเทศ ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2563
นางชนัญญารักษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน Supply Chain ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ ล่าสุดเราได้นำ Big Data และ AI เข้ามาปรับใช้ ซึ่งช่วยให้การบริหารจัดการต้นทุนและการกระจายสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญ บริษัทฯ มีสภาพคล่องสูงและไม่มีหนี้ มีเงินสดกว่าพันล้านบาท พร้อมลงทุนต่อยอดการเติบโตทันทีเมื่อเห็นโอกาส
ขณะนี้ลงทุนประมาณ 300 ล้านบาทในการก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ระบบออโตเมชัน พื้นที่ 7 ไร่ในเขตประเวศน์ ซึ่งจะแบ่งเป็นให้เช่า 50% และใช้เอง 50% คาดว่าอีกประมาณ 2 ปีจะแล้วเสร็จ จากเดิมที่ต้องเช่าคลังสินค้าปีละ 20 ล้านบาท รวมถึงการเจรจากับพันธมิตรที่จะเข้าร่วมลงทุนกันให้ระบบซัปพลายเชนแข็งแกร่งมากขึ้น เช่นบริษัทที่ทำพวกโซเชียลมีเดียที่จะมาสนับสนุนการขาย
ทั้งนี้ ไตรมาสที่ 4 ปีบัญชี 2563 เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน แม็คมีมาร์จิ้นหรือกำไรประมาณ 6.9% ขณะที่ทั้งปีบัญชี 2563 มีมาร์จิ้นถึง 12.7% ขณะที่ตลาดแฟชั่นรวมติดลบ 5.4% และมี 0.7% ตามลำดับ ขณะที่บริษัทในกลุ่มพาณิชย์ในตลาดหุ้นมี 1.7% และ 3.7% ตามลำดับ
ส่วนรายได้งวดปีบัญชี 2564 เติบโต 10-12% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 14-16% ตอกย้ำการเป็น “หุ้นเติบโต-ปันผลสูง” (High Dividend) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2556 ตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ