ผู้จัดการรายวัน 360 - ทีเส็บประกาศเพิ่มไมซ์ซิตี้อีก 2 แห่ง คือ นครราชสีมา และสงขลา ตามกลยุทธ์ขยายฐานอุตสาหกรรมไมซ์ให้กว้างขวางสู่ทุกภูมิภาค จากเดิมประกาศไปแล้ว 5 จังหวัด เตรียมประกาศเปิดตัวครั้งแรกในงาน “จัดงานทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ” วันที่ 2 กันยายนนี้
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บยึดมั่นนโยบายสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ให้กระจายไปยังทุกภูมิภาค เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างทั่วถึง จึงทำให้โครงการไมซ์ซิตี้มีพัฒนาการเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ที่ผ่านมา ทีเส็บร่วมกับจังหวัดต่างๆ และองค์กรภาคีพัฒนาไมซ์ซิตี้ขึ้นมา 5 แห่ง ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต พบว่าความร่วมมือกันส่งผลให้เกิดการพัฒนาในหลายด้าน ทั้งเรื่องการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจไมซ์ ธุรกิจท่องเที่ยว และการพัฒนาบุคลากรเพื่อป้อนให้แก่อุตสาหกรรมไมซ์ในแต่ละจังหวัด
“ความสำเร็จของไมซ์ซิตี้ทำให้มีการประชุม และแสดงสินค้าไปจัดเพิ่มขึ้นในแต่ละจังหวัด ทำให้หลายจังหวัดก็ต้องการจะเป็นไมซ์ซิตี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะเกิดการตื่นตัวไปทั่วประเทศ แต่ก็ต้องไม่ทิ้งมาตรฐานและรักษาคุณภาพให้ดี”
นายจิรุตถ์กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสงขลาเป็น 2 จังหวัดที่ผ่านหลักเกณฑ์การประเมินได้รับการรับรองเป็นเมืองไมซ์ของประเทศไทยเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ ความสะดวกในการเข้าสู่เมืองและสถานที่จัดงาน, การสนับสนุนการจัดงานไมซ์จากการจัดงานของเมือง, กิจกรรมเพิ่มเติมนอกเหนือจากการประชุม, ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก, สถานที่จัดงานและสิ่งอำนวยความสะดวก, ภาพลักษณ์และความมีชื่อเสียงของเมือง, สภาพแวดล้อมของเมือง และความเสี่ยงในการยกเลิกงานและการรักษาความปลอดภัย
ทั้งนี้ ในการเป็นไมซ์ซิตี้ของทั้งสองเมือง ทีเส็บจะร่วมดำเนินการกับทางจังหวัด หน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องของทางจังหวัดนครราชสีมาและสงขลา โดยจะมุ่งขับเคลื่อนเมืองไมซ์ตามแผนยุทธศาสตร์ไมซ์ซิตี้ครบองค์รวมภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1. พัฒนาช่องทางการตลาดและส่งเสริมกิจกรรมการตลาด ปรับเปลี่ยนและสร้างภาพลักษณ์ของเมืองเพื่อรองรับการจัดกิจกรรมไมซ์ 2. พัฒนารูปแบบกิจกรรมที่มีความคิดสร้างสรรค์ สนับสนุนการใช้วัฒนธรรมพื้นเมืองที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมไมซ์และยกระดับกิจกรรมไมซ์ที่มีศักยภาพไปสู่ระดับนานาชาติ 3. สร้างการมีส่วนร่วมและเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรไมซ์ในพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล และ 4. ยกระดับและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
“นอกจากจะสนับสนุนการจัดงานไมซ์ภายในจังหวัดให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่แล้ว ที่สำคัญคือเราอยากจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทั้งระบบ เพื่อประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อไปในระยะยาว”
โครงการ จัดงานทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ ในวันที่ 2 กันยายน 2563 นี้ โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานของงานและแสดงปาฐกถาในงาน นอกเหนือจากภายในงานจะมีการประกาศไมซ์ซิตี้ใหม่จังหวัดนครราชสีมาและสงขลาอย่างเป็นทางการแล้ว ยังมีกิจกรรมสำคัญทั้งด้านความรู้ ประสบการณ์ และเปิดตลาดซื้อขายงานไมซ์ในราคาพิเศษ โดยผู้ประกอบการจำนวนมากจากทั้งสถานจัดประชุม สายการบิน โรงแรม มาเสนอบริการไมซ์แก่ผู้สนใจภายในรอยัล พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ด้านจังหวัดนครราชสีมา กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็นไมซ์ซิตี้ตามอัตลักษณ์เมืองให้เป็น “เมืองไมซ์มรดกโลกศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยอิงกับจุดเด่นของจังหวัด 5 ด้าน คือ การเป็นศูนย์กลางการผลิตและแปรรูปสินค้าทางการเกษตรของประเทศ, การมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย, การมีแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นจำนวนมาก, การเป็นศูนย์กลางการค้าและแหล่งชอปปิ้งของภูมิภาค และการมีวัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถานที่เป็นเอกลักษณ์
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า นครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมสูงในการรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ทุกมิติ ทั้งด้านการคมนาคมที่เข้าถึงสถานที่จัดงาน การประชุม งานแสดงสินค้า บุคลากรคุณภาพ มีอัตลักษณ์วัฒนธรรมโดดเด่น ผสมผสานกับกิจกรรมอีเวนต์ที่หลากหลายได้อย่างลงตัว และเสน่ห์อีกอย่างของจังหวัด คือความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่สุดของภาคอีสาน มรดกโลกในพื้นที่เขาใหญ่ พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชและอุทธยานธรณีโคราช ทั้งหมดนี้จะสร้างความประทับใจและประสบการณ์ที่แตกต่างแก่ผู้มาเยือนโคราชไมซ์ซิตี้อย่างแน่นอน
ส่วนจังหวัดสงขลา กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็นไมซ์ซิตี้ตามอัตลักษณ์เมือง คือ "เมืองไมซ์พหุวัฒนธรรมที่จะสร้างการเติบโตด้านเศรษฐกิจ จากการค้าชายแดน การบริการ และการลงทุนสำหรับภาคใต้" ด้วยจุดเด่น 5 ด้าน คือ ความเป็นเมืองพหุวัฒนธรรมระหว่างชาวไทยพุทธ ไทยจีน และไทยมุสลิม, ความเป็นศูนย์กลางราชการของภาคใต้, ความเป็นศูนย์กลางธุรกิจ, ศูนย์กลางการค้าและชอปปิ้ง และศูนย์รวมสถาบันการศึกษาของภาคใต้
นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขอบคุณในความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคการศึกษามหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ที่ร่วมผลักดันให้จังหวัดสงขลาได้รับเลือกเป็นไมซ์ซิตี้เมืองแห่งอุตสาหกรรมไมซ์อีกหนึ่งแห่งของประเทศไทย โดยจังหวัดสงขลาเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การลงทุน การบริการ และคมนาคมที่สำคัญของภาคใต้ตอนล่าง อีกทั้งเป็นประตูเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน และได้รับการขนานนามให้เป็น “ศูนย์กลางการค้าชายแดนใต้ และความหลากหลายทางพหุวัฒนธรรม”
นับจากนี้ สงขลาจะเป็นเมืองศูนย์กลางการจัดประชุม นิทรรศการ งานอีเวนต์ การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และการจัดงานแสดงสินค้า ด้วยความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกของเมือง รวมไปถึงศักยภาพของสถานที่จัดงาน เช่น ศูนย์ประชุม และสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ภายในโรงแรม ซึ่งทางจังหวัดเองมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้จังหวัดสงขลาเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดงานไมซ์ที่สามารถรองรับการจัดงานได้ตั้งแต่ระดับภูมิภาค ประเทศ ไปจนถึงระดับนานาชาติต่อไป