ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 19,000 ล้านบาทเตรียมสร้างสถิติใหม่รับโควิด-19 ปีนี้มีลุ้นแตะ 22,000 ล้านบาท หรือโตพรวดอีก 16% หลังช่วงล็อกดาวน์โตขึ้น 5.8% “มาม่า” มาแรง จัดทัพรับ New Normal พร้อมเพิ่มกำลังผลิต 30% ส่งมาม่าคัพขนาด 60 กรัม ดัมป์ราคาลงเหลือ 10 บาททุกช่องทาง หวังช่วยคนไทยตลอดเดือน พ.ค.นี้
นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ภาพรวมของสหพัฒน์ในเรื่องของแผนลงทุนใหญ่ๆ ในปีนี้ (2563) ต้องชะลอออกไป เอางบเก็บไว้ก่อน แต่ในส่วนของคลังสินค้า อี-คอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะคลังสินค้าใหญ่ที่มีแผนเปลี่ยนไปใช้คลังที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นที่ศรีราชานั้นจะเป็นไปตามแผนเดิมที่จะเปลี่ยนในปีหน้า (2564)
ขณะที่อี-คอมเมิร์ซจะเห็นภาพชัดเจนในช่วงโควิด-19 ว่ามียอดสั่งซื้อเข้ามาเติบโตเป็น 100% จึงต้องมีการปรับปรุงระบบ พัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเปลี่ยนคลังสินค้าของอี-คอมเมิร์ซจากพื้นที่ร่มเกล้ามาที่พื้นที่พระราม 3 ในไตรมาสสามนี้
“โควิด-19 ทำให้เราเรียนรู้อะไรได้หลายอย่าง เช่น 1. มีวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากมาย แต่เราไม่ทำ เพราะยังติดกับรูปแบบเดิมๆ อย่างการต้องเข้าออฟฟิศ 2. เพิ่มกำลังผลิตอีก 30% ซึ่งเดิมไม่คิดว่าจะทำได้ก็ทำได้ 3. ไม่คิดอะไรในแบบเดิม มีความมุ่งมั่น มีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้น จนนำมาซึ่งการตั้งทีมทำงานในชื่อ New Normal ขึ้นมา เพื่อตั้งรับการเปลี่ยนแปลงใหม่เกี่ยวกับเทรนด์ New Normal ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น เพื่อกำหนดเป็นกลยุทธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังโควิด-19 จบลง โดยระหว่างนี้เราจะยังอยู่ในช่วงระวังกันอีกเป็นปี แม้สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังไม่คล่องตัวก่อนเข้าสู่ New Normal ในเฟซถัดไป” นายเวทิต กล่าว
ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง เชื่อว่า 2-3 เดือนจากนี้ทุกอย่างจะเริ่มฟื้นตัว แต่จะถึงระดับไหนนั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาลกับการวางนโยบายต่างๆ ที่ออกมา ที่สำคัญมองว่าภาครัฐมีข้อมูลทั้งหมดทั้งแบบแม็กโคร (ในภาพรวม) และไมโคร (ในภาพย่อย) สามารถจะกำหนดอะไรออกมาเพื่อเป็นแนวทางที่ชัดเจน ภายใต้การสื่อสารที่ดี จะช่วยให้ผู้ประกอบการเตรียมปรับตัวรับมือ โดยเฉพาะเรื่อง New Normal มองเป็นโอกาสของไทยในอนาคต
นายเวทิตกล่าวต่อว่า การระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจซึ่งหลายคนรายได้ลดลง บริษัทจึงได้เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน เพื่อช่วยเหลือและลดค่าครองชีพของประชาชนที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยนำสินค้าหลายแบรนด์เข้าร่วมโครงการ เช่น ผงซักฟอก เปา, ไฮคลาส, โชกุบุสซึ นิชชิน และ มาม่า เป็นต้น
ทั้งนี้ มองว่าเป็นโชคดีของสหพัฒน์ที่อยู่ในกลุ่มผู้ผลิตด้านอุตสาหกรรมอาหาร ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความมั่นคง ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงจะมีผลกระทบเกิดขึ้นแต่ก็ไม่มาก และดีพอประมาณเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
ในส่วนของสหพัฒนพิบูล กับผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” ได้จัดแคมเปญพิเศษ “พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ร่วมกับมาม่าคัพ” โดยร่วมกับร้านค้าพันธมิตร ปรับลดราคาผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าชนิดคัพทุกรสชาติ จากราคา 13 บาท เหลือ 10 บาท ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของมาม่าคัพที่มีการลดราคา
สำหรับร้านค้าพันธมิตรที่ร่วมจัดแคมเปญนี้ ประกอบด้วย เซเว่นอีเลฟเว่น แม็คโคร เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ท็อปส์มาร์เก็ต กูร์เมต์มาร์เก็ต ลอว์สัน เจซีเอ็กซ์เพรส แม็กซ์แวลู ฟู้ดแลนด์ ซีพีเฟรชมาร์ท วิลล่ามาร์เก็ต จิฟฟี่ สปาร์ และ ซูรูฮะ รวมถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ซึ่งผู้สนใจสามารถซื้อมาม่าคัพในราคา 10 บาทได้ที่ซูเปอร์มาร์เกตและร้านค้าชั้นนำ รวมทั้งร้านธงฟ้าทั่วประเทศ
“มาม่าเป็นสินค้าที่อยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนานในทุกสถานการณ์ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็นับว่าเป็นวิกฤตที่หนัก กระทบทั้งชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจ ซึ่งมาม่าก็ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง การลดราคามาม่าคัพก็เป็นการช่วยเหลืออีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และหวังว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้”
สำหรับภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 19,000 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีการเติบโต 8% แบ่งเป็น แบบซองโต 20% และแบบคัพโต 10% โดยในส่วนของแบบซอง มาม่ามีแชร์ 48% ขณะที่แบบคัพ มาม่ามีแชร์ 55% โดย 2 เดือนที่ผ่านมานี้มาม่าได้เพิ่มกำลังผลิตอีกกว่า 30% จากปกติกำลังการผลิตอยู่ที่ 4 ล้านชิ้นต่อวัน รองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเดือนเมษายนยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังเติบโตมากกว่าปกติ แต่น้อยกว่าเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนสถานการณ์หลังจากนี้ตอบยากว่าจะเติบโตได้มากแต่ไหน แต่เชื่อว่าตลอดทั้งปีนี้มีโอกาสที่จะได้เห็นตัวเลขรวมถึง 22,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทย