หากเอ่ยถึงนักรบแนวหน้าที่สำคัญในช่วงโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ขณะนี้ หลายคนอาจนึกถึงบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นกำลังสำคัญในการทำหน้าที่เฝ้าระวังและคัดกรองคนในชุมชน ถือได้ว่าเป็นชุดปฏิบัติการคัดกรองผู้ป่วยระดับพื้นที่ซึ่งมีความสำคัญเช่นกัน บุคคลกลุ่มนี้ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเทศบาล ที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังให้คนในชุมชนปลอดภัยจากวิกฤตครั้งนี้ หน้ากากอนามัยจึงเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญของนักรบแนวหน้าเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากโรคโควิด-19 ระหว่างการช่วยดูแลสุขภาพและควบคุมป้องกันโรคให้แก่ประชาชนในพื้นที่
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เล็งเห็นความสำคัญของการปฏิบัติงานของอาสาสมัครและผู้นำชุมชนในระดับพื้นที่ จึงได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยแบบผ้า จำนวน 13,000 ชิ้น ที่มีคุณสมบัติสะท้อนน้ำ คือละอองน้ำหรือสารคัดหลั่งไม่สามารถซึมผ่านได้ ให้นักรบแนวหน้าเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการคัดกรองผู้ป่วยระดับตำบล ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี นครราชสีมา สงขลา และยะลา เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากโรคโควิด-19 ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
นายสิตมน รัตนาวะดี ในนามตัวแทน นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย กลุ่มบริษัทกัลฟ์พร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ตลอดจนชุดปฏิบัติการคัดกรองผู้ป่วยระดับตำบล ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในระดับพื้นที่ถือเป็นอีกด่านหน้าในการรับมือกับเชื้อไวรัส เราจึงมีความห่วงใยจึงมอบหน้ากากผ้าจำนวน 13,000 ชิ้น ให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยระหว่างทำการคัดกรองผู้ป่วย
“กลุ่มบริษัทกัลฟ์ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและพัฒนาด้านสาธารณสุขของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาสถานพยาบาล การสนับสนุนโครงการด้านสุขภาพและสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมไปถึงการสนับสนุนด้านการศึกษาแก่นักศึกษาแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประเทศอย่างยั่งยืน” นายสิตมนกล่าวสรุป
ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทกัลฟ์ได้มอบเงินบริจาคเพื่อรับมือสถานการณ์โควิด-19 ไปแล้วรวมกว่า 34 ล้านบาท แบ่งเป็นบริจาคให้แก่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี 20 ล้านบาทเพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ และเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอดและหัวใจ (เครื่องเอคโม - ECMO) โรงพยาบาลราชวิถี 4 ล้านบาท สถาบันบำราศนราดูร 4 ล้านบาท และสถาบันโรคทรวงอก 1 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องช่วยหายใจชนิดอัตราการไหลสูง เครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดันบวกสองระดับ (BiPAP) เครื่องช่วยหายใจชนิดเคลื่อนย้าย และเครื่องติดตามและเฝ้าระวังสัญญาณชีพผู้ป่วยแบบศูนย์กลาง และโรงพยาบาลตำรวจ 5 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมด้วยปริมาตรและความดันแบบเคลื่อนย้ายได้ พร้อมระบบผลิตอากาศภายในตัวเครื่อง นับเป็นการปฏิบัติตามพันธกิจหนึ่งของกลุ่มบริษัทกัลฟ์ ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคมให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน