SUPER ตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท และปี 64 ขยับเพิ่มแตะ 1 หมื่นล้านบาท หลังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโซลาร์และลมที่เวียดนาม ด้านบอร์ดฯ อนุมัติฮุบโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 4 โครงการ ขนาด 750 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 6,864ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 62 ที่มีรายได้จากผลการดำเนินงานประมาณ 6,214 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าใหม่ที่จ่ายไฟเข้าระบบ (COD) เพิ่มขึ้น โดยสิ้นปีนี้บริษัทมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในไทยและเวียดนามที่จ่ายไฟเข้าระบบ 1,806 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปี 62 ที่มีโรงไฟฟ้าจ่ายไฟ 837 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติม รวมทั้งรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบให้แก่ลูกค้าในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และการประปาส่วนภูมิภาคในปี 63 ราว 170 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจ (ปี 2562-65) ราว 4 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนาม จำนวน 421 เมกะวัตต์ คาดจะจ่ายไฟเข้าระบบในปลายปี 64 และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 4 โครงการ กำลังผลิต 750 เมกะวัตต์ คาดจะจ่ายไฟเข้าระบบในปลายปี 63 ส่งผลให้รายได้ในปี 64 เพิ่มขึ้นแตะ 10,384 ล้านบาท และปี 65 อยู่ที่ 13,795 ล้านบาท
นายจอมทรัพย์กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด (SST) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนามจำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 750 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดไม่เกิน 456.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่เกิน 14,614.40 ล้านบาท
สำหรับโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ที่จังหวัดบิ่ญเฟื้อก ประเทศเวียดนาม โดยการไฟฟ้าเวียดนาม Electricity of Vietnam (EVN) จะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า มีอัตราการรับซื้อไฟฟ้าในรูปของเงินดอลลาร์ ราคาประมาณ 7.09 เซ็นต์ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 20 ปี นับจากวันที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ให้อัตราผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนโครงการดังกล่าว IRR อยู่ที่ 15-17%
“การลงทุนโรงไฟฟ้าทั้ง 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 750 เมกะวัตต์ ที่เวียดนามในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้แนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง หลังจากช่วงต้นปีได้เข้าไปลงทุนโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้มีโซลาร์ฟาร์มเวียดนามในมือ ขนาดกำลังการผลิตรวมกัน 1,000 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม เรายังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศอื่นๆ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าและวินด์ฟาร์มเพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่บริษัท และยังเตรียมขยายการลงทุนวินด์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น และอินโดนีเซียอีกด้วย”