“สอน.” มั่นใจน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศไม่ขาดแคลนแน่ โดยได้มีการจัดสรรน้ำตาลไว้รองรับ 2.5 ล้านตันไว้ ขณะที่โควิด-19 ทำเศรษฐกิจชะลอ คาดว่าจะทำให้การบริโภคอยู่ที่เพียง 2.4 ล้านตันเท่านั้น ขณะที่โรงงานส่วนใหญ่ปิดหีบหมดแล้วเหลือแค่โรงเดียว คาดผลผลิต 74.9 ล้านตันหายไปจากปีก่อน 56 ล้านตัน จับตาน้ำตาลโลกลดต่อเนื่อง เหตุบราซิลเริ่มหันมาส่งออกเพิ่ม
นายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) มั่นใจว่าปริมาณน้ำตาลทรายที่จัดสรรไว้บริโภคในประเทศปี 62/63 จำนวน 2.5 ล้านตัน หรือ 25 ล้านกระสอบจะเพียงพอต่อความต้องการการบริโภคของคนไทยโดยไม่ขาดแคลน เนื่องจากคาดว่าปีนี้จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่กระทบต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จึงคาดว่าจะทำให้การบริโภคน้ำตาลทรายของไทยน่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.4 ล้านตัน
“สอน.ยืนยันว่าปริมาณน้ำตาลทรายปีนี้จะเพียงพอต่อการบริโภคอย่างแน่นอน โดยในส่วนของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่หรือร้านค้าสะดวกซื้อเองก็ได้เตรียมพร้อมในการวางจำหน่ายให้เพียงพออยู่แล้ว และหากที่สุดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น สอน.ก็สามารถบริหารจัดการที่จะนำปริมาณสำรองหรือการจัดสรรน้ำตาลสำหรับการส่งออกมาดูแลได้” นายเอกภัทรกล่าว
สำหรับการเปิดหีบปี 62/63 ตั้งแต่ ธ.ค. 62 มาจนถึงขณะนี้ คาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบอยู่ราว 74.9 ล้านตันลดลงจากฤดูหีบที่แล้วประมาณ 56 ล้านตัน หรือคิดเป็นการลดลง 42-43% ขณะที่ผลผลิตน้ำตาลทรายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8.2-8.4 ล้านตัน ซึ่งโรงงานน้ำตาลจำนวน 56 โรงงานปิดหีบแล้ว เหลือเพียงโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์แห่งเดียวเท่านั้น คาดว่าจะปิดหีบอ้อยวันที่ 25 มีนาคมนี้ โดยการเปิดหีบอ้อยที่ผ่านมาพบว่าปีนี้มีอ้อยสดส่งเข้าโรงงานคิดเป็น 50.3% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนอ้อยสดส่งเข้าหีบโรงงานน้ำตาลเพียง 38-39% ของผลผลิตอ้อยที่ส่งเข้าหีบทั้งหมด ซึ่งช่วยลดปริมาณอ้อยไฟไหม้ที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหามลภาวะในอากาศให้ลดน้อยลงได้อีกทางหนึ่ง
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า รัฐได้มีการจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศไว้ 25 ล้านกระสอบ (2.5 ล้านตัน) และยังสำรองไว้อีก 2 ล้านตัน จึงมั่นใจว่าจะไม่ขาดแคลนแต่อย่างใดเพราะการใช้น้ำตาลปีนี้จะชะลอตัวจากปีก่อนตามทิศทางเศรษฐกิจ ขณะที่สถานการณ์น้ำตาลทรายตลาดโลกนั้นบราซิลเริ่มนำน้ำตาลทรายออกมาจำหน่ายในปริมาณที่มากขึ้น เนื่องจากระดับราคาน้ำมันที่ตกต่ำทำให้บราซิลลดการนำน้ำตาลทรายไปผลิตเอทานอล
“น้ำตาลทรายดิบราคาโลกเฉลี่ยมาอยู่ที่ 11 เซ็นต์ต่อปอนด์ จากต้นปีเฉลี่ย 15 เซ็นต์ต่อปอนด์ เหตุที่โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลกซึ่งมีผลให้ราคาน้ำมันลดต่ำ บราซิลที่เป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกลดการนำน้ำตาลไปผลิตเอทานอลมาผลิตน้ำตาลแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นในระดับราคาต่ำ เพราะบราซิลได้เปรียบค่าเงินที่อ่อนค่าลงอย่างหนักจากเดิม 3.8 เรียลต่อดอลลาร์ขณะนี้มาอยู่ที่ 5.11 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากยังคงระดับนี้ไปนานๆ อาจมีผลต่อทิศทางราคาอ้อยในฤดูถัดไปให้ตกต่ำได้อีกครั้ง” นายวีระศักดิ์กล่าว