“ไทยสมายล์” ร่วม “สตาร์ อัลไลแอนซ์” พันธมิตร Connecting Partner เชื่อมเส้นทางเช็กทรู คาดช่วยเพิ่มรายได้ปีนี้โต 5%
วันนี้ (25 ก.พ.) สายการบินไทยสมายล์ได้ลงนามเข้าร่วมเป็นพันธมิตร Connecting Partner รายแรกของประเทศไทยและเป็นรายที่สองของกลุ่มพันธมิตรการบินสตาร์ อัลไลแอนซ์ ซึ่งไทยสมายล์ให้บริการเที่ยวบินมากกว่า 396 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สู่ 32 จุดหมายปลายทางใน 9 ประเทศและภูมิภาคต่างๆ ในฐานะพันธมิตร Connecting Partner ไทยสมายล์จะช่วยเพิ่มจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ที่มีศักยภาพและน่าสนใจได้อีกถึง 11 จุดบิน
นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการลงนามเข้าร่วมเป็นพันธมิตร Connecting Partner กลุ่มพันธมิตรการบินสตาร์ อัลไลแอนซ์ ของสายการบินไทยสมายล์ว่า ความร่วมมือนี้จะทำให้การเดินทางของผู้โดยสารจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยเพื่อเดินทางต่อไปในจุดบินต่างๆ มีความมั่นใจมากขึ้น ว่ามีสายการบินและเครื่องบินที่ได้มาตรฐานของสตาร์ อัลไลแอนซ์ ดังนั้น เมื่อการเดินทางต่อเชื่อมมีความเชื่อมั่นจะมีผู้โดยสารใช้บริการไทยสมายล์เพิ่มขึ้นแน่นอน จึงเป็นความร่วมมือที่ได้ประโยชน์กับทั้งสายการบิน และผู้โดยสาร
สำหรับการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ไวรัสโควิด-19) นั้น ขณะนี้มีรายงานว่าไทยมีผู้ป่วย เพิ่ม 2 คน แต่ถือว่าน้อยมาก และล่าสุดคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้มีการประกาศว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 ทำให้เป็นการเพิ่มอำนาจให้หมอ และเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสได้อย่างเต็มที่ ช่วยลดความกังวลของประชาชนลงได้
@ไทยสมายล์คาดระบบเช็กทรู “สตาร์ อัลไลแอนซ์” เพิ่มรายได้ปีนี้ 5%
ด้านนางชาริตา ลีลายุทธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทยสมายล์ได้มีการเชื่อมโยงระบบการเดินทางกับ 3 สายการบิน ในกลุ่มสายการบินลุฟท์ฮันซ่าและออสเตรียนแอร์ไลน์ ซึ่งมีรายได้เพิ่มประมาณ 5 ล้านบาท/เดือน และคาดว่าจะเพิ่มอีก 5% ในปีนี้ และการเข้าร่วมเป็นพันธมิตร Connecting Partner ของสตาร์ อัลไลแอนซ์ อย่างเต็มรูปแบบ ในปีนี้จะเชื่อมระบบเช็กทรูกับอีก 2-3 สายการบิน เช่น ANA เป็นต้น และจะช่วยให้เพิ่มรายได้ในปีต่อๆ ไปอีก
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า ไทยสมายล์เป็นสายการบินฟูลเซอร์วิส 1 ใน 3 ของประเทศไทย ดังนั้น จึงเป็นตัวเลือกในการเดินทางต่อเชื่อมของผู้โดยสารที่เดินทางจากยุโรป และออสเตรเลีย ที่จะสามารถเช็กอินต้นทางและรับกระเป๋าที่ปลายทางโดยไม่ต้องเช็กอินซ้ำ และได้น้ำหนักเท่ากับต้นทาง อีกทั้งไทยสมายล์มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการบินไทยด้วยขนาดเครื่องบินที่เล็กกว่า ทำให้สามารถเสนอราคาที่เหมาะสมที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น
“ความร่วมมือนี้จะทำให้การบินไทยสามารถขายตั๋วจากลอนดอน-ภูเก็ตได้เลย เพราะมีระบบเป็นเครือข่ายเชื่อมกันผู้โดยสารไม่ต้องซื้อ 2 ครั้ง และยังสะสมไมล์ได้อีกด้วย และนอกจากเส้นทางในประเทศของไทยสมายล์แล้ว ยังมี CLMV จีนบางเมือง ไต้หวัน ฮ่องกง อินเดีย อีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม การบินไทยจะยังคงรักษาเส้นทางในประเทศในบางจุดบินที่มีจำนวนผู้โดยสารต่อเชื่อมจากต่างประเทศไว้ก่อน เนื่องจากเครื่องบินของไทยสมายล์อาจจะยังรับไม่ไหว เช่น บางเส้นทางที่มีผู้โดยสารเชื่อมต่อกว่า 200 คน และประเมินว่าอีกนานกว่าจะให้ไทยสมายล์รับเส้นทางในประเทศแทนการบินไทยทั้งหมด
สำหรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตร Connecting Partner ของกลุ่มพันธมิตรการบินสตาร์ อัลไลแอนซ์ ของไทยสมายล์ ทำให้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผู้โดยสารที่มีแผนการเดินทางแบบใดก็ตาม รวมถึงการเชื่อมต่อระหว่างสายการบินสมาชิกสตาร์ อัลไลแอนซ์ กับสายการบินไทยสมายล์ในการจองเดียวกัน จะได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ผู้โดยสารสามารถเช็กอินจากต้นทางและรอรับสัมภาระที่ปลายทาง (through check-in) นอกจากนี้ ลูกค้าที่ถือบัตรเงิน และบัตรทอง Star Alliance ในโปรแกรมสะสมไมล์ของสายการบินสมาชิกสตาร์ อัลไลแอนซ์จะได้รับสิทธิพิเศษอีกมากมาย
ปัจจุบันมีสายการบินที่ร่วมให้สิทธิพิเศษบนเที่ยวบินเชื่อมต่อระหว่างสายการบินไทยสมายล์ กับสายการบินพันธมิตร ดังนี้ สายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ สายการบินลุฟท์ฮันซ่า สายการบินสวิส และการบินไทย อีกทั้งสายการบินไทยสมายล์ตั้งเป้าหมายที่จะร่วมมือกับสายการบินสมาชิกอื่นๆ ในอนาคต