คมนาคมเร่ง กพท.ออกประกาศกำหนดกิจกรรมเสี่ยงในเขตปลอดภัยการเดินอากาศรอบสนามบิน เผย ทอท.ขอคุมเข้มพื้นที่ใกล้แนวร่อนเครื่องบินโดยเฉพาะโครงการ “เซ็นทรัลวิลเลจ” คาดประกาศได้ใน มี.ค. 63 กิจกรรมเสี่ยงต้องขออนุญาต กพท.ก่อน
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคมด้านโครงสร้างพื้นฐาน เปิดเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อติดตามความคืบหน้าในการออกประกาศ เพื่อกำหนดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางการบิน ซึ่ง กพท.แจ้งว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะจัดทำข้อมูลได้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ และเข้าสู่การออกประกาศตามขั้นตอนต่อไป
ทอท.เป็นกังวลในเรื่องความปลอดภัยทางการบินบริเวณรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีโครงการเซ็นทรัลวิลเลจตั้งอยู่ในเขตแนวร่อน (take off & approach) ของเครื่องบินที่ต้องระมัดระวังความปลอดภัยทางการบิน โดยเกรงว่าหากมีการจัดกิจกรรมที่มีการยิงแสงเลเซอร์ กิจกรรมที่ก่อให้เกิดควัน หรือกิจกรรมที่ดึงดูดนก อาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยทางการบินได้ จึงขอให้ กพท.เพิ่มเติมกิจกรรมเหล่านี้เข้าไปในประกาศด้วย
กพท.ได้มีการศึกษา และนำต้นแบบจากต่างประเทศมาร่วมในการพิจารณาเพื่อนำมาปรับใช้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ กพท.ให้ทางเซ็นทรัลวิลเลจทำการประเมินเรื่องกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยทางการบิน และส่งรายงานไปยัง กพท.พิจารณาประกอบแล้ว
นายพิศักดิ์กล่าวว่า เมื่อ กพท.ออกประกาศกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยทางการบินมาตรา 59/2 ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2562 จะทำให้ในพื้นที่ที่กำหนด หากจะทำกิจกรรมที่อยู่ในประกาศจะต้องขออนุญาตจาก กพท.ในฐานะผู้กำกับดูแลความปลอดภัยทางการบินก่อน และประกาศนี้จะทำให้ทุกหน่วยงาน เอกชน และประชาชน ทราบข้อกำหนดและข้อห้ามต่างๆ เช่น หน่วยงานท้องถิ่น ก่อนที่จะอนุญาตให้ใครทำการก่อสร้าง หรือประกอบกิจกรรมใดๆ ที่อยู่ในพื้นที่เขตความปลอดภัยทางการบิน จะต้องดูประกาศนี้ประกอบด้วย และหากกระทบต่อการบินตามประกาศจะต้องขออนุญาต กพท.ก่อน”
สำหรับโครงการเซ็นทรัลวิลเลจนั้น จากรายงานมีการขออนุญาตก่อสร้างภายใต้กฎหมายเก่า ก่อนที่จะมีกฎหมายใหม่ที่ประกาศในปี 2562 ซึ่งกฎหมายใหม่มีมาตรการและข้อห้ามเรื่องกิจกรรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.ทางเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) 2562 มาตรา 59 มีการกำกับควบคุมการบินแล้ว 4 เรื่อง คือ 1. การปล่อยแสงเลเซอร์หรือแสงไฟขึ้นสู่อากาศ, 2. การปล่อยคลื่นเสียง คลื่นวิทยุ และคลื่นสัญญาณไฟฟ้า, 3. การใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ปล่อยคลื่นไฟฟ้าได้ และ 4. กิจกรรมอื่นตามที่ผู้อำนวยการกำหนด