นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ได้มีการติดต่อเพื่อขอเจรจากับกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อหาทางออกร่วมกันใหม่ หลังจากที่คณะทำงานของกระทรวงคมนาคมได้พบข้อมูลเพิ่มเติมที่จะดำเนินคดีได้นั้น ขณะนี้ ตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกชุด ประกอบด้วย นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม, นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), ผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ ร.ฟ.ท. เพื่อให้นำข้อมูลที่มีทั้งหมดมาศึกษาหาแนวทางว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง
ทั้งนี้ คณะทำงานฯ จะต้องพิจารณาข้อมูลที่มีทั้งหมดซึ่งพบว่ามี 8 เรื่อง โดยจะมีการประชุมในวันที่ 22 ต.ค. คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์น่าจะสรุปและรายงานข้อมูลกับตนก่อน จากนั้นจึงจะเปิดการเจรจากับโฮปเวลล์ต่อไป
ส่วนการคืนเงินชดเชยกับบริษัท โฮปเวลล์จากการบอกเลิกสัญญาตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดภายในวันที่ 19 ต.ค. 2562 นั้น ขณะนี้กระทรวงฯ และ ร.ฟ.ท.ได้มีการยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดในการขอชะลอการบังคับคดีแล้ว ที่ให้ ร.ฟ.ท.ซึ่งต้องรอว่าศาลวินิจฉัยอย่างไร จะให้ขยายเวลาไปถึงเมื่อใด
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องได้ข้อยุติที่สามารถอธิบายได้ สิ่งที่คณะทำงานฯ ดูคือ 1. สิ่งที่มีการดำเนินการมาถูกต้องหรือไม่ก่อน หากพบว่าถูกต้องก็จะดูว่าค่าเสียหายเป็นเท่าไร หรือ 2.หากพบว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง ผิดตั้งแต่ต้น ซึ่งต้องดูทีโออาร์ ข้อสัญญา และการปฏิบัติตามสัญญา รวมถึงประเด็นการจดทะเบียนของบริษัทโฮปเวลล์ หากไม่ถูกต้องสัญญานี้ก็เป็นโมฆะ เท่ากับรัฐไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย
“ก่อนหน้านี้คณะทำงานชุดที่มี รองปลัดฯ พิศักดิ์เป็นประธานได้เจรจาต่อรองกับโฮปเวลล์ในการชำระเงินตามคำสั่งศาลไปแล้ว โดยทางโฮปเวลล์ไม่ลดค่าชดเชย และบอกว่าเจรจาต่อรองจบแล้ว ซึ่งเราเตรียมจะยื่นฟ้อง แต่วันที่ 18 ต.ค. 62 ทางโฮปเวลล์ติดต่อมาว่าจะเจรจาเพิ่มเติม เราก็ได้ยื่นศาลขอชะลอการบังคับคดี ตอนนี้ขอให้คณะทำงานฯ ได้ดูข้อมูลก่อนว่ามีความถูกต้องอย่างไร และประเด็นความเสียหายเป็นเท่าไร การเจรจาที่จะเกิดขึ้นคือการนำข้อมูล ข้อเท็จจริงมาพูดกัน ผมยืนยันทำเต็มที่ และต้องอธิบายสังคมและประชาชนได้” นายศักดิ์สยามกล่าว