"สนธิรัตน์" ยืนยันคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภาพร้อมที่จะเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาให้จบโดยเร็วเพื่อประโยชน์ทั้งสองประเทศ รวมถึงไม่ต้องวิตกกรณีการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมหลังยังไม่ถึงขั้นตอนอนุญาโตฯ มั่นใจทุกฝ่ายจะหาทางออกร่วมกันได้
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลัง พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา และคณะ เข้าพบหารือกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้สอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการเจรจาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา ซึ่งทาง รมว.พลังงานได้ยืนยันว่าการพัฒนาเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ประเทศจึงจำเป็นต้องเจรจาร่วมกัน โดยหากเป็นไปได้ก็ต้องการให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมาธิการได้แจ้งที่จะติดตามการทำงานของกระทรวงพลังงานทุก 3 เดือนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ซึ่งทางกระทรวงพลังงานยืนยันว่าพร้อมที่จะให้ตรวจสอบเพราะมั่นใจถึงการดำเนินงานที่โปร่งใส
"คณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้แสดงข้อเป็นห่วงหรือะไรเป็นพิเศษกรณีพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา หากแต่เป็นการสอบถามความคืบหน้าการเจรจาเท่านั้น ซึ่งทางกระทรวงพลังงานยืนยันว่าอยู่ระหว่างการเจรจาเพราะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งในภาพรวมทางคณะกรรมาธิการได้ชื่มชมนโยบายกระทรวงพลังงานที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะในประเด็นของโรงไฟฟ้าชุมชนที่จะเร่งสรุปแนวทางดำเนินการเร็วๆ นี้" นายวัชระกล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังสอบถามกรณีการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ-บงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565-66 ที่ต้องเจรจากับผู้รับสัมปทานรายเดิม ซึ่ง รมว.พลังงานได้ชี้แจงว่ายังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาหลังจากที่กลุ่มเชฟรอนได้มีการระงับกระบวนการยื่นอนุญาโตตุลาการเอาไว้ ซึ่งยืนยันว่าไม่ต้องวิตกเพราะมั่นใจว่าจะสามารถหาทางออกปัญหาดังกล่าวร่วมกันได้
ขณะเดียวกัน รมว.พลังงานได้รายงานถึงนโยบายที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานอาเซียน โดยเฉพาะการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) พร้อมกันนี้จะมีการปรับเปลี่ยนบทบาทให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้เป็นผู้ซื้อและผู้ขาย (เทรดดิ้ง) ไฟฟ้าได้ ส่วนกรณีการส่งเสริมน้ำมันปาล์มได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่าได้กำหนดให้ดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐานมีผล 1 ม.ค. 63 เพื่อดูดซับน้ำมันปาล์มดิบให้มากขึ้นเพื่อดูแลราคาปาล์ม และต่อไปจะมุ่งเน้นการช่วยยกระดับราคาอ้อยและมันสำปะหลังในส่วนของเอทานอล
นายอนุรุทธิ์ นาคาสัย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รมว.พลังงานได้แจ้งว่าอีก 2 เดือนจะมีข้อสรุปถึงแนวทางการส่งเสริมการใช้เอทานอลที่ปัจจุบันนำมาผสมกับเบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์ซึ่งเอทานอลผลิตจากมันสำปะหลัง อ้อยและกากน้ำตาล (โมลาส) ให้มากขึ้น โดยจะลดชนิดน้ำมันกลุ่มเบนซินลง