xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็มเค” ชู 4 กลยุทธ์ขยายพอร์ต ดันโลจิสติกส์ครบวงจร-รุก ตปท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอ็มเค” เดินหน้า 4 กลยุทธ์ ขยายพอร์ตโฟลิโอ เตรียมพร้อมเทคโนโลยีเข้ามาทุกเมื่อ ด้าน “เอ็ม-เซนโค” ประเดิมธุรกิจโลจิสติกส์ลุยลูกค้านอกเครือ 20% ในช่วงแรก ตั้งเป้าบริการครบวงจร

นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์หลักในการขยายธุรกิจหรือพอร์ตโฟลิโอร้านอาหารในเครือจากนี้ 4 แนวทาง คือ 1. การซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์หรือไลเซนส์ 2. การร่วมทุนกับเจ้าของแบรนด์เดิม 3. การซื้อกิจการหรือเทกโอเวอร์ และ 4. การพัฒนาแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเองเพื่อสร้างการเติบโต ที่ผ่านมาโตเฉลี่ย 5-8% จากรายได้รวมประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาทต่อปี

“ผมมองว่ายังมีโอกาสในการทำธุรกิจร้านอาหารอีกมาก มีหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ แต่ยังคงกลุ่มเป้าหมายหลักมีเดียม ล่าสุดที่เราไปถือหุ้นในแหลมเจริญซีฟู้ดเพราะมองเห็นศักยภาพ ซีฟูดเป็นอะไรที่คนไทยเราชอบรับประทานอยู่แล้ว และเมื่อศึกษาดูแล้วมันเหมาะกับเรา ไม่มีอะไรที่ซ้ำซ้อนกับร้านเดิมที่เราทำอยู่ คุยมาประมาณ 1 ปี ก็ตกลง โดยเรายังให้กลุ่มเดิมบริหารอยู่ แต่เราคงไม่ทำทุกเซกเมนต์ ที่ไม่ทำคือ สตรีทฟูดหรือฟาสต์ฟูด เพราะต้องควบคุมเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย”

ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอ็มเค” เดินหน้า 4 กลยุทธ์ ขยายพอร์ตโฟลิโอ เตรียมพร้อมเทคโนโลยีเข้ามาทุกเมื่อ ด้าน “เอ็ม-เซนโค” ประเดิมธุรกิจโลจิสติกส์ลุยลูกค้านอกเครือ 20% ในช่วงแรก ตั้งเป้าบริการครบวงจร

นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์หลักในการขยายธุรกิจหรือพอร์ตโฟลิโอร้านอาหารในเครือจากนี้ 4 แนวทาง คือ 1. การซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์หรือไลเซนส์ 2. การร่วมทุนกับเจ้าของแบรนด์เดิม 3. การซื้อกิจการหรือเทกโอเวอร์ และ 4. การพัฒนาแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเองเพื่อสร้างการเติบโต ที่ผ่านมาโตเฉลี่ย 5-8% จากรายได้รวมประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาทต่อปี

“ผมมองว่ายังมีโอกาสในการทำธุรกิจร้านอาหารอีกมาก มีหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ แต่ยังคงกลุ่มเป้าหมายหลักมีเดียม ล่าสุดที่เราไปถือหุ้นในแหลมเจริญซีฟู้ดเพราะมองเห็นศักยภาพ ซีฟูดเป็นอะไรที่คนไทยเราชอบรับประทานอยู่แล้ว และเมื่อศึกษาดูแล้วมันเหมาะกับเรา ไม่มีอะไรที่ซ้ำซ้อนกับร้านเดิมที่เราทำอยู่ คุยมาประมาณ 1 ปี ก็ตกลง โดยเรายังให้กลุ่มเดิมบริหารอยู่ แต่เราคงไม่ทำทุกเซกเมนต์ ที่ไม่ทำคือ สตรีทฟูดหรือฟาสต์ฟูด เพราะต้องควบคุมเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย”

ส่วนแบรนด์เดิมที่เราทำอยู่ก็จะมีการขยายต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นร้านยาโยอิ หรือร้านมิยาซากิ ร้านฮากาตะ ร้านเลอสยาม ร้าน ณ สยาม ร้านเลอเพอทิท เป็นต้น ซึ่งร้านอาหารไทย ณ สยาม ที่เราไม่ได้ขยายอะไรมากนักอาจจะมีการนำมาปรับปรุงและขยายมากขึ้น

นอกจากการขยายสาขาและแบรนด์ใหม่แล้ว ต้องนำเรื่องของเทคโนโลยีมาใช้ ต้องลองผิดลองถูก อะไรดีเราก็จะขยายต่อ เช่น ที่ผ่านมามีการนำระบบการจ่ายเงินด้วยเครื่องทอนเงินอัตโมนัติ มี 10 กว่าสาขาแล้ว หรือการนำเอาไอแพดมาใช้ในการสั่งอาหารด้วยตัวเอง อนาคตอาจจะไม่มีเมนูที่เป็นกระดาษสมุดแล้วก็ได้ หรือการนำเอไอ คือปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาใช้กับธุรกิจ

“เอ็มเค เราต้องเตรียมพร้อมเสมอ เมื่อโอกาสมาต้องคว้าไว้ หรือถ้ามีปัญหาเจอวิกฤตต้องหาทางออกเพื่อให้ผ่านพ้นไป และที่สำคัญ การเงินต้องแข็งแรง ดูแลความปลอดภัยขององค์กรสำคัญที่สุด”

ส่วนแบรนด์เดิมที่เราทำอยู่ก็จะมีการขยายต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นร้านยาโยอิ หรือร้านมิยาซากิ ร้านฮากาตะ ร้านเลอสยาม ร้าน ณ สยาม ร้านเลอเพอทิท เป็นต้น ซึ่งร้านอาหารไทย ณ สยาม ที่เราไม่ได้ขยายอะไรมากนักอาจจะมีการนำมาปรับปรุงและขยายมากขึ้น

นอกจากการขยายสาขาและแบรนด์ใหม่แล้ว ต้องนำเรื่องของเทคโนโลยีมาใช้ ต้องลองผิดลองถูก อะไรดีเราก็จะขยายต่อ เช่น ที่ผ่านมามีการนำระบบการจ่ายเงินด้วยเครื่องทอนเงินอัตโมนัติ มี 10 กว่าสาขาแล้ว หรือการนำเอาไอแพดมาใช้ในการสั่งอาหารด้วยตัวเอง อนาคตอาจจะไม่มีเมนูที่เป็นกระดาษสมุดแล้วก็ได้ หรือการนำเอไอ คือปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาใช้กับธุรกิจ

“เอ็มเค เราต้องเตรียมพร้อมเสมอ เมื่อโอกาสมาต้องคว้าไว้ หรือถ้ามีปัญหาเจอวิกฤตต้องหาทางออกเพื่อให้ผ่านพ้นไป และที่สำคัญ การเงินต้องแข็งแรง ดูแลความปลอดภัยขององค์กรสำคัญที่สุด”

นายยาสึฮิสะ ฟุคุตะ ประธาน บริษัท เซนโค กรุ๊ป โฮลดิ้ง คัมปะนี ในฐานะผู้บริหารของ บริษัท เอ็ม-เซนโค ร่วมทุนระหว่างเซนโคกับเอ็มเค ทำธุรกิจโลจิสติกส์ในไทย เปิดเผยว่า ตลาดโลจิสติกส์และซัปพลายเชนในไทยมีมูลค่ามากถึง 280,000 ล้านบาท แบ่งเป็นด้านการขนส่ง และจัดเก็บคลังสินค้ามากกว่า 40% โดยในจำนวนนี้เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าแบบควบคุณอุณหภูมิหรือโคลด์เชน (Cold Chain Logistics) ประมาณ 26,000 ล้านบาท หรือเพียงแค่ 10% เท่านั้นเอง จึงทำให้ธุรกิจโคลด์เชนโลจิสติกส์ในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

เป้าหมายระยะยาวในไทย บริษัทต้องการที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำในอนาคตที่จะให้บริการครอบคลุม 4 หลัก คือ การให้บริการด้านคลังสินค้า การขนส่ง การบริการนำเข้า-ส่งออกสินค้า และการซื้อขายสินค้า เจาะกลุ่มเป้าหมายภาคธุรกิจและลูกค้ารายย่อยในอนาคต เช่น ร้านอาหาร ผู้ผลิตอาหาร ธุรกิจนำเข้าและส่งออก มินิมาร์ท ซูเปอร์มาร์เกต เป็นต้น คาดว่าใน 3 ปีจะทำได้ครบวงจร และขยายตลาดในต่างประเทศด้วย ขณะนี้มีการส่งสินค้าของชีลไปห้างค้าปลีกในเวียดนามแล้ว

ล่าสุดลงทุน 1,750 ล้านบาทสร้างคลังสินค้าแบบเย็น โดยเฟส 1 ลงทุน 1,300 ล้านบาท พัฒนาคลังสินค้าแบบเย็น ขนาด 20,000 ตารางเมตร รองรับการเก็บสินค้าได้ถึง 12,000 พัลเลต เปิดบริการต้นเดือนตุลาคม 2562 ภายใน 3 ปีจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท และเติบโต 15% ต่อปี สัดส่วนลูกค้าในเครือเอ็มเค 80% นอกเครือ 20% เช่น ดองกี้ เป็นต้น ส่วนภายใน 3 ปีสัดส่วนจะเป็นในเครือเอ็มเค 20% และนอกเครือ 80% และเฟสที่ 2 จะลงทุน 450 ล้านบาท ขยายพื้นที่ต้นปีหน้า ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2568 ไว้ที่ 1,600 ล้านบาท

นายยาสึฮิสะ ฟุคุตะ ประธาน บริษัท เซนโค กรุ๊ป โฮลดิ้ง คัมปะนี ในฐานะผู้บริหารของ บริษัท เอ็ม-เซนโค ร่วมทุนระหว่างเซนโคกับเอ็มเค ทำธุรกิจโลจิสติกส์ในไทย เปิดเผยว่า ตลาดโลจิสติกส์และซัปพลายเชนในไทยมีมูลค่ามากถึง 280,000 ล้านบาท แบ่งเป็นด้านการขนส่ง และจัดเก็บคลังสินค้ามากกว่า 40% โดยในจำนวนนี้เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าแบบควบคุณอุณหภูมิหรือโคลด์เชน (Cold Chain Logistics) ประมาณ 26,000 ล้านบาท หรือเพียงแค่ 10% เท่านั้นเอง จึงทำให้ธุรกิจโคลด์เชนโลจิสติกส์ในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

เป้าหมายระยะยาวในไทย บริษัทต้องการที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำในอนาคตที่จะให้บริการครอบคลุม 4 หลัก คือ การให้บริการด้านคลังสินค้า การขนส่ง การบริการนำเข้า-ส่งออกสินค้า และการซื้อขายสินค้า เจาะกลุ่มเป้าหมายภาคธุรกิจและลูกค้ารายย่อยในอนาคต เช่น ร้านอาหาร ผู้ผลิตอาหาร ธุรกิจนำเข้าและส่งออก มินิมาร์ท ซูเปอร์มาร์เกต เป็นต้น คาดว่าใน 3 ปีจะทำได้ครบวงจร และขยายตลาดในต่างประเทศด้วย ขณะนี้มีการส่งสินค้าของชีลไปห้างค้าปลีกในเวียดนามแล้ว

ล่าสุดลงทุน 1,750 ล้านบาทสร้างคลังสินค้าแบบเย็น โดยเฟส 1 ลงทุน 1,300 ล้านบาท พัฒนาคลังสินค้าแบบเย็น ขนาด 20,000 ตารางเมตร รองรับการเก็บสินค้าได้ถึง 12,000 พัลเลต เปิดบริการต้นเดือนตุลาคม 2562 ภายใน 3 ปีจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท และเติบโต 15% ต่อปี สัดส่วนลูกค้าในเครือเอ็มเค 80% นอกเครือ 20% เช่น ดองกี้ เป็นต้น ส่วนภายใน 3 ปีสัดส่วนจะเป็นในเครือเอ็มเค 20% และนอกเครือ 80% และเฟสที่ 2 จะลงทุน 450 ล้านบาท ขยายพื้นที่ต้นปีหน้า ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2568 ไว้ที่ 1,600 ล้านบาท





กำลังโหลดความคิดเห็น